หลักการใหม่ของยูนิลีเวอร์ ซึ่งถือว่าก้าวนำในกลุ่มธุรกิจ ได้แก่:
- เราจะไม่เจาะจงทำการตลาดหรือสื่อสารโดยตรงผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ กับกลุ่มเป้าหมายกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
- เราจะไม่รวบรวมหรือจัดเก็บข้อมูลของเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี
- เราจะไม่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ หรือดาราจากสื่อสังคมออนไลน์ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี หรือมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเป็นหลัก ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์โภชนาการสำหรับเด็ก (HNS) ที่อาจมีการใช้ครอบครัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งมีเป้าหมายสื่อสารกับกลุ่มคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น
- เราจะเปิดเผยข้อกำหนดของเราอย่างชัดเจนและเปิดเผยต่ออินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ และจำกัดการเข้าถึงของเด็กจากการถูกชักจูงโดยเนื้อหาของอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีอิทธิพลทางสังคม
- เราจะยังคงละเว้นจากการส่งเสริมแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของเราในโรงเรียน ยกเว้นการเข้าร่วมแคมเปญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพ และส่งเสริมพัฒนาการเท่านั้น
หลักการนี้จะนำไปใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของยูนิลีเวอร์ และการดำเนินการนี้จะนำร่องโดยทีมไอศกรีม
คุณอัลพาน่า ไททัส รองประธานฝ่ายพัฒนาตลาดธุรกิจกลุ่มอาหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นควรให้รางวัลกับตัวเองนานๆครั้ง แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำการตลาดด้วยความรับผิดชอบ กว่าสิบห้าปีของนโยบายควบคุมการสื่อสารการตลาดของกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของยูนิลีเวอร์ ได้สนับสนุนการตลาดให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป แต่เราเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกระดับและเพิ่มอายุขึ้นเป็น 16 ปี
“สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เราต้องตระหนักถึงพลังของสื่อสังคมออนไลน์และการตลาดที่มีอิทธิพลต่อทางเลือกของเด็ก และเราควรจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เป้าหมายของเราคือการลดการเปิดรับโฆษณาของเด็กจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มต่อไป และสนับสนุนผู้ปกครองในการเลือกอาหารที่เหมาะสมให้แก่เด็กๆแทน”
ในปี พ.ศ. 2546 ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่ใช้มาตรการเฉพาะสำหรับการตลาดในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็ก และบริษัทยังคงเป็นผู้นำในการนำหลักการที่พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง การอัปเดตครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2563 เมื่อยูนิลีเวอร์ประกาศว่าจะหยุดทำการตลาดและโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีในสื่อดั้งเดิม และผู้ที่อายุต่ำกว่า 13 ปีผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ และได้กำหนดเวลาสำหรับการปฏิบัติตามหลักการที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมเหล่านี้ภายในมกราคม 2566
สำหรับประเทศไทย วอลล์ เชื่อว่าทุกคนสมควรได้รับความสุข และเราให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ให้กับเด็กๆ อย่างมีความรับผิดชอบ เราจะพัฒนาไอศกรีมที่ดีขึ้น และมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆมีความสุขมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะในหลักการด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์และคุณค่าโภชนาการของไอศกรีม ได้แก่
- หยุดโฆษณาโดยตรงของไอศกรีมแพดเดิล ป๊อปกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เริ่ม 1 ม.ค. 2564 และปรับขยายอายุเป็น 13 ปี เริ่ม 1 ม.ค. 2565
- หยุดโฆษณาโดยตรงของไอศกรีมกับกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 16 ปี เริ่ม 1 ม.ค. 2566
- การทำกิจกรรมกับเด็กๆ หรือการส่งเสริมการขายในกลุ่มเด็กต่ำกว่า 13 ปี จะมีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพ และส่งเสริมพัฒนาการเท่านั้น
- พัฒนาไอศกรีมที่ดีขึ้น และมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น โดยปรับสัดส่วนของส่วนผสมให้ตรงตามแนวทางการโภชนาการสูงสุด (Highest Nutritional Standards : HNS) โดยจำกัดสัดส่วนของน้ำตาล เกลือ ไขมันและแคลอรี่ของไอศกรีม เช่น 95% ของไอศกรีมบรรจุห่อจะมีน้ำตาลทั้งหมดไม่เกิน 22 กรัม และพลังงานไม่เกิน 110 กิโลแคลอรี่ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
- คิดค้นสูตรไอศกรีมที่มีการปรับสัดส่วนของส่วนผสมโดยเน้นเรื่องโภชนาการเป็นหลัก และได้รับตราเครื่องหมายทางเลือกเพื่อสุขภาพ เช่น แพดเดิลป๊อป มิลค์กี้ ที่มีแคลเซียมสูงถึง 20% และ แพดเดิลป๊อป ยักษ์คู่ ที่มีวิตามินซีสูงถึง 20%
- ปรับสินค้าที่ขายในโรงเรียนให้มีความหลากหลายทั้งด้านคุณค่าทางโภชนาการและรสชาต ให้มีทั้งรูปแบบที่เป็นถ้วย แท่ง หรือโคน และมีส่วนผสมของนมหรือผลไม้เป็นหลัก