ข้ามไปที่ เนื้อหา

Unilever ลงทุน 1 พันล้านยูโรเพื่อยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลใน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายในปี 2030

ที่ตีพิมพ์:

เวลาอ่านเฉลี่ย: 3 รายงานการประชุม

ยูนิลีเวอร์คลีนฟิวเจอร์ส
  • การลงทุนเพื่อ Clean Future 1 พันล้านยูโรจะขับเคลื่อนให้ถอยห่างจากการใช้สารเคมีที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิล ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าของ Unilever ภายในปี 2030 และปลดล็อควิธีใหม่ๆสำหรับลด การใช้คาร์บอน
  • การลงทุนจะเป็นเงินสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา และนวัตกรรมด้านสารเคมีหมุนเวียน ที่ใช้ในการทำความสะอาด ระดับโลก
  • ยูนิลีเวอร์เรียกร้องให้ภาคธุรกิจหันมาใช้วิธีการใหม่ 'Carbon Rainbow' เพื่อเปลี่ยนไปใช้แหล่งคาร์บอนจากพืช อากาศ ทะเล และขยะ ซึ่งหมุนเวียนและรีไซเคิลได้

ยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตสินค้าเพื่อการทำความสะอาดและซักผ้าชั้นนำ ได้ประกาศว่าจะเปลี่ยนการจัดหาจากคาร์บอนที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นคาร์บอนที่หมุนเวียนหรือรีไซเคิลได้ 100% เพื่อใช้กับสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อพลิกโฉมแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าระดับโลก ให้มีความยั่งยืน อันได้แก่ Omo (Persil), Sunlight, Cif, และ Domestos

ความมุ่งมั่นครั้งใหม่นี้ถือเป็นองค์ประกอบหลักของ 'Clean Future' ของ ยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นโปรแกรมนวัตกรรมล้ำสมัย ออกแบบโดยแผนกผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของบริษัท เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีสร้าง ผลิต และบรรจุผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดและซักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกจากรากฐาน Clean Future มีจุดประสงค์ที่เป็นเอกลักษณ์ ในปลูกฝังหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในบรรจุภัณฑ์และสูตรผลิตภัณฑ์ในระดับของโกลบอลแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันใช้สารเคมีที่้ทำมาจากวัตถุดิบตั้งต้นที่เป็นเชื้อเพลิง ฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งคาร์บอนที่หมุนเวียนไม่ได้ การที่ ยูนิลีเวอร์ เปลี่ยนไปใช้แหล่งคาร์บอนหมุนเวียน หรือรีไซเคิลได้ในสูตรผลิตภัณฑ์ ถือว่าเป็นการถอยห่างจากเศรษฐกิจที่พึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างชัดเจน โดยเริ่มจากระดับมหภาค Clean Future คือบันไดสำคัญที่จะนำไปสู่การบรรลุคำมั่นสัญญาว่าภายในปี 2039 ผลิตภัณฑ์ของ ยูนิลีเวอร์ จะปล่อยมลพิษเป็นศูนย์

สารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าของ ยูนิลีเวอร์ มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด (46%) ตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนสูตรผลิตภัณฑ์จากสารเคมีที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิล บริษัทจะปลดล็อกวิธีการใหม่ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ยูนิลีเวอร์คาดหวังว่าการริเริ่มนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยสูตรผลิตภัณฑ์ได้ถึง 20% Peter ter Kulve ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของ ยูนิลีเวอร์ กล่าวอธิบายว่า: “Clean Future คือวิสัยทัศน์ของเรา ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจครั้งใหญ่ ในฐานะภาคอุตสาหกรรม เราต้องเลิกพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งรวมถึงการใช้ เป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ เราต้องหยุดขุดเจาะคาร์บอนจากใต้พื้นดิน ในเมื่อมีคาร์บอนเพียงพออยู่แล้วบนพื้น และเหนือพื้นดิน หากเราเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้าง

“เราเห็นแล้วว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของเรามากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยให้ผู้คนปลอดภัยจากการต่อสู้กับ Covid-19 แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราควรพอใจ เราไม่ควรปล่อยให้มีสิ่งใดมาหันเหความสนใจของเราจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่โลกของเรา บ้านของเรา กำลังเผชิญอยู่ มลพิษ การทำลายแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติ ภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ นี่คือบ้านที่เราอาศัยอยู่ ร่วมกันและเรามีหน้าที่ต้องปกป้อง”

นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานกรรมการบริการ กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ตลอดระยะเวลา 87 ปีที่เราตั้งอยู่ในไทย เราไม่เพียงแต่ลงทุนเพื่อธุรกิจของเราเองเท่านั้น แต่เราลงทุนเพื่อจุดมุ่งหมายที่ดีและทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ เราเป็นบริษัทที่มีวัตถุประสงค์และแบรนด์ของเราก็มีวัตถุประสงค์ในการมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสำหรับคนไทยและโลกของเรา Clean Future ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมมากมายในประเทศไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของเราเป็นขวดที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลที่มาจากการใช้แล้ว (Post-consumer recycled plastic) สำหรับผลิตภัณฑ์ในเครือบรีส คอมฟอร์ต และซันไลต์ทั้งหมด รวมถึง การที่เราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Seventh Generation ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์จนถึงบรรจุภัณฑ์ และขณะนี้ เรากำลังปรับสูตรน้ำยาซักผ้าและน้ำปรับผ้านุ่มบรีสและคอมฟอร์ตเพื่อใช้สารเคมีคาร์บอนต่ำและลดการพึ่งพาสารเคมีที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อ Clean Future ในประเทศไทย

ยูนิลีเวอร์ได้กันเงิน 1 พันล้านยูโรสำหรับ Clean Future ซึ่งจะเป็นเงินสนับสนุนการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ, การใช้ CO2, สารเคมีคาร์บอนต่ำ และย่อยสลายได้ทางชีวภาพ รวมถึงสูตรผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ และลดการใช้ พลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2025 การลงทุนนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาการสื่อสารของแบรนด์ ที่จะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค การลงทุนใน Clean Future ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มเติม จาก‘กองทุนเพื่อสภาพอากาศและธรรมชาติ’ ของยูนิลีเวอร์ที่มีเงิน 1 พันล้านยูโร มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดและซักผ้าที่ราคาไม่แพง ทำความสะอาดได้อย่างยอดเยี่ยม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างมีนัยสำคัญ

Clean Future สนับสนุนโครงการชั้นนำของอุตสาหกรรมทั่วโลกแล้ว เพื่อที่จะเปลี่ยนวิธีการผลิตสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและซักผ้าของยูนิลีเวอร์ เช่น ในประเทศสโลวาเกีย ยูนิลีเวอร์ ได้ร่วมมือกับ Evonik Industries ผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อพัฒนาการผลิตแรมโนลิปิด ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่หมุนเวียนได้ และย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ที่ใช้ในน้ำยาล้างจาน Sunlight ในชิลีและเวียดนามแล้ว และในภาคใต้ของอินเดีย เมืองทุติโคริน ยูนิลีเวอร์ ได้จัดหาโซดาไฟ ซึ่งเป็นส่วนผสมในผงซักฟอก ที่มีการใช้เทคโนโลยีบุกเบิกเพื่อดักจับ CO2 โซดาไฟผลิตจาก CO2 ที่ปล่อยจากพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิต คาดว่าเทคโนโลยีทั้งสองนี้จะส่งผลในระดับมหภาคภายใต้โปรแกรมนี้

Carbon Rainbow

หัวใจสำคัญของ Clean Future คือ ‘Carbon Rainbow’ ของ ยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการแยกแยะ คาร์บอนที่ใช้ในสูตรผลิตภัณฑ์ แหล่งคาร์บอนฟอสซิลที่ไม่หมุนเวียน (ระบุไว้ใน Carbon Rainbow เป็นคาร์บอนสีดำ) จะถูกแทนที่โดยใช้ CO2 ที่ดักจับได้ (คาร์บอนสีม่วง) พืชและแหล่งชีวภาพ (คาร์บอนสีเขียว) แหล่งที่มาจากทะเล เช่น สาหร่าย (คาร์บอนสีน้ำเงิน) และคาร์บอนที่กู้คืนจากวัสดุที่เป็นของเสีย (คาร์บอนสีเทา) การจัดหาคาร์บอน ภายใต้วิธีการ Carbon Rainbow จะมีการควบคุมและแจ้งผลโดยการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานร่วมกับโปรแกรมจัดหาที่ยั่งยืนของยูนิลเวอร์ ที่เป็นชั้นนำในอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด แรงกดดันที่ไม่ได้ตั้งใจในการใช้ทรัพยากรจากผืนดิน

Peter ter Kulve ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของ ยูนิลีเวอร์ สรุปว่า: “เศรษฐกิจใหม่ด้านชีวภาพ กำลังเกิดขึ้นจากเถ้าถ่านของเชื้อเพลิงฟอสซิล

“เราได้ยินครั้งแล้วครั้งเล่าว่าผู้คนต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพดีพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์เดิม การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าช่วยให้เราทำสิ่งนี้ได้ พร้อมคำสัญญาถึงประโยชน์ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมอ่อนโยนเป็นพิเศษ ไปจนถึงเสื้อผ้าและพื้นผิวที่สะอาดได้ด้วยตัวเอง

“การแยกแยะแหล่งคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเติบโตในลิมิตของโลกเรา ซัพพลายเออร์และคู่ค้า นวัตกรรมของเรามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ จากการแบ่งปันแบบจำลอง Carbon Rainbow™ เรากำลังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราทุกคนใช้คาร์บอนในระดับเศรษฐกิจ”

คาร์บอนเรนโบว์

ผู้คน ธุรกิจ และคู่ค้าช่วยส่งมอบ Clean Future ได้อย่างไร

  • เยี่ยมชม เว็บไซต์ Clean Future เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการ Carbon Rainbow, Clean Future และโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับเงินทุนจาก Unilever
  • ยูนิลีเวอร์เป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ก่อตั้งของโครงการริเริ่มคาร์บอนหมุนเวียนได้ (Renewable Carbon Initiative - RCI) ซึ่งเป็นแนวร่วมที่เกิดขึ้นใหม่จาก Nova Institute ที่มีเป้าหมายที่จะนำ คาร์บอนหมุนเวียนมาสู่ขั้นตอนทางการเมือง เพื่อพัฒนาและดำเนินการอุตสาหกรรมเคมีและพลาสติก ในอนาคตอย่างยั่งยืน หากคุณต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม เว็บไซต์ Nova Institute
  • หากคุณมีความคิดเกี่ยวกับนวัตกรรม โซลูชัน หรือมีโอกาสร่วมเป็นคู่ค้ากับยูนิลีเวอร์เพื่อเร่ง ดำเนินการโปรแกรม Clean Future โปรดติดต่อผ่านทาง พอร์ทัลเสนอการเป็นคู่ค้า ที่ยั่งยืนและนวัตกรรมแบบเปิดของบริษัท

คำมั่นสัญญาด้านความยั่งยืนของ Unilever

ความมุ่งมั่นในปัจจุบัน ที่จะเปลี่ยนคาร์บอนที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิล 100% ที่ใช้กับสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านของ ยูนิลีเวอร์ช้แหล่งคาร์บอนหมุนเวียนหรือทดแทนได้ภายในปี 2030 เป็นไปตามคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ของ ยูนิลีเวอร์ประกอบด้วย:

  1. รับรองการปล่อยคาร์บอนจากทุกผลิตภัณฑ์จะเป็นศูนย์ ตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงชั้นวางสินค้าภายในปี 2039
  2. ลดผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกอันเกิดจากผลิตภัณฑ์ของเราลงครึ่งหนึ่งตลอดวงจรผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030
  3. การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากปฏิบัติการเป็นศูนย์ภายในปี 2030
  4. ตั้งเป้าหมายสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพภายในปี 2030
  5. บรรลุผลห่วงโซ่อุปทานปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2023
  6. ลดการใช้พลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ช่วยรวบรวมและจัดการพลาสติกมากกว่าที่ขายได้ รับรองการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ ให้สามารถรีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายได้ภายในปี 2025 และใช้พลาสติกรีไซเคิลอย่างน้อย 25% ในบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2025

คาร์บอนหมุนเวียนและรีไซเคิล

คาร์บอนหมุนเวียนและรีไซเคิลนำมาใช้เป็นแหล่งคาร์บอนทดแทนการใช้คาร์บอนฟอสซิลจากธรณีภาค คาร์บอนหมุนเวียนอาจมาจากชีวมณฑลและชั้นบรรยากาศ คาร์บอนรีไซเคิลมาจากมณฑลแห่งเทคโนโลยี คาร์บอนหมุนเวียนและรีไซเคิลจะหมุนเวียนระหว่างชีวมณฑล ชั้นบรรยากาศ และมณฑลแห่งเทคโนโลยี ช่วยสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนแบบหมุนเวียน

Carbon Rainbow ในทางปฏิบัติ

โปรแกรม Clean Future ให้ทุนการวิจัยและพัฒนาในโครงการต่าง ๆ มาแล้วเช่น:

  • คาร์บอนสีม่วง (การดักจับคาร์บอนและการใช้เพื่อผลิตโซดาไฟและสารเคมีอื่น ๆ)
  • คาร์บอนสีเขียว (สารลดแรงตึงผิวแรมโนลิปิดที่ได้จากมวลชีวภาพบนบก)
  • คาร์บอนสีเทา (สารลดแรงตึงผิวที่ได้จากขยะพลาสติก)
  • ความสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (โพลีเมอร์ทำความสะอาดที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ)
  • สูตรคาร์บอนต่ำ (ส่วนผสมที่เน้นประสิทธิภาพ)

เกี่ยวกับ Unilever

ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม โดยมียอดขายในกว่า 190 ประเทศและเข้าถึงผู้บริโภค 2,500 ล้านคนต่อวัน มีพนักงาน 150,000 คน สร้างยอดขายได้ 52พันล้านยูโรในปี 2019 กว่าครึ่งของพื้นที่บริการของบริษัทอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ ยูนิลีเวอร์มีประมาณ 400 แบรนด์ที่พบอยู่ในบ้านทั่วโลก รวมถึง Dove, Knorr, Dirt Is Good, Rexona, Hellmann's, Lipton, Wall's, Lux, Magnum, Axe, Sunsilk และ Surf

แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ (USLP) สนับสนุนกลยุทธ์ของบริษัทและมุ่งมั่นที่จะ:

  • ช่วยเหลือผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้สามารถปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีภายในปี 2020
  • ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากผลิตภัณฑ์ของเราลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030
  • ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนนับล้านภายในปี 2020

USLP สร้างมูลค่าด้วยการผลักดันการเติบโตและความเชื่อมั่น ลดค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยง แบรนด์การดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของบริษัทมีการเติบโตโดยรวม 78% และมีสัดส่วน 75% ของยอดขายในปี 2019 ตั้งแต่ปี 2010 เราดำเนินการตามแผนการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนของ ยูนิลีเวอร์เพื่อช่วยให้ผู้คนกว่าพันล้านคน ปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่ง และปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ ของผู้คนนับล้านในขณะที่เราสร้างธุรกิจให้เติบโต เราคืบหน้ามามากและมีความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2019 เราให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้เต็ม 100% ภายในปี 2025 ในขณะที่ยังคงมีงานอีกมากที่ต้องทำ แต่เราก็ภูมิใจที่ได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำภาคส่วนดัชนี Dow Jones Sustainability ในปี 2019 รวมถึงในฐานะบริษัทที่ติดอันดับสูงสุด 10 ปีติดต่อกัน ในการสำรวจ ความคิดเห็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ GlobeScan/SustainAbility ในปี 2020

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Unilever และแบรนด์ต่าง ๆ ได้ที่ www.unilever.com

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ USLP ได้ที่: www.unilever.com/sustainable-living/

ยูนิลีเวอร์อนาคตสะอาด
กลับไปด้านบน