สำหรับ Unilever การจัดการเรื่องบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มองแค่ปลายทางของการกำจัดขยะ แต่เริ่มตั้งแต่ต้นทางของการออกแบบภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Brighten Everyday Life for All’ บริษัทจึงพัฒนาแนวคิด “Less Plastic, Better Plastic, No Plastic” เพื่อให้ทุกขั้นตอนของการผลิตและใช้งานเชื่อมโยงกันอย่างยั่งยืน
ตั้งแต่การลดปริมาณพลาสติกใหม่ (Less Plastic) การใช้พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงแทนพลาสติกบริสุทธิ์ (Better Plastic) ไปจนถึงการสร้างวัสดุทดแทนจากธรรมชาติ เช่น กระดาษหรือพลาสติกชีวภาพ (No Plastic)
ผลจากรายงาน Unilever Sustainable Packaging 2024 สะท้อนถึงความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยบริษัทสามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ลงได้แล้วกว่า 23% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2019 และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลาสติกรีไซเคิล (PCR) เป็น 21% ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้สามารถรีไซเคิล รีฟิล หรือย่อยสลายได้ มีสัดส่วนถึง 57% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด โดยตั้งเป้าจะลดการใช้พลาสติกใหม่ (Virgin Plastic) ลงอีก 30% ภายในปี 2026 และ 40% ภายในปี 2028 พร้อมตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ 100% ในปี 2030 นอกจากนี้ Unilever ยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์มากกว่า 60 รายทั่วโลก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการรีไซเคิลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
Beauty & Wellbeing - ความงามที่ยั่งยืนในทุกขวด
ในกลุ่ม Beauty & Wellbeing ภายใต้เครือ Unilever แบรนด์อย่าง Dove, TRESemmé, Sunsilk และ Vaseline ได้ยกระดับแนวคิดความงามให้สอดคล้องกับความยั่งยืน
กล่าวคือ Dove เลือกใช้ขวดรีไซเคิล 100% และเปิดตัวระบบ Refill Station ในหลายประเทศ เพื่อส่งเสริมการใช้ซ้ำ ขณะที่ Vaseline ใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล (PCR) 100% โดยคาดว่าจะสามารถลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ได้กว่า 500 ตันต่อปี ส่วน Sunsilk และ TRESemmé ปรับดีไซน์หัวปั๊มให้ถอดแยกชิ้นส่วนได้ง่าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรีไซเคิล
เบื้องหลังทั้งหมดนี้ คือการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างวัสดุทางเลือกใหม่ เช่น พลาสติกชีวภาพ หมึกพิมพ์ปลอดสารพิษ และบรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบาที่ลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ทำให้ความงามในวันนี้ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ แต่ยังสะท้อนความรับผิดชอบต่อโลกในทุกขวด
Personal Care - ดันนวัตกรรมเพื่อโลกที่สะอาด
ด้าน Personal Care ได้แก่ Rexona, Lux และ Clear ในเครือ Unilever ต่างมุ่งเน้นนวัตกรรมเพื่อช่วยโลกให้สะอาดขึ้น
Rexona เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ปลี่ยนจากขวดพลาสติกเป็นขวดแก้ว ที่สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งช่วยลดการสร้างขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ส่วน Lux ใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิลและออกแบบให้เบากว่าเดิม เพื่อประหยัดพลังงานในการขนส่งและลดการปล่อยคาร์บอน ขณะที่ Clear ได้พัฒนาแนวทางการใช้ขวดรีไซเคิลร่วมกับการผลิตในระบบปิด เพื่อลดของเสียจากกระบวนการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด
แนวทางของกลุ่ม Personal Care สะท้อน “นวัตกรรมเพื่อความงามและความสะอาด” ไปพร้อมกับการเปลี่ยนบทบาทของบรรจุภัณฑ์ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
จากผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบด้วยแนวคิด Zero Waste สู่กระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล การลดปริมาณพลาสติก หรือการสร้างสูตรที่ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกขั้นตอนของการผลิตจึงกลายเป็นวงจรแห่งความรับผิดชอบในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Home Care - ความสะอาดที่ลดผลกระทบ
สำหรับกลุ่ม Home Care ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนที่ครองใจผู้บริโภคด้วยแบรนด์อย่าง Sunlight, Comfort และ Breeze Unilever ได้นำแนวคิด Zero Waste มาขับเคลื่อนในระดับครัวเรือนอย่างจริงจัง ผ่านกลยุทธ์ บ้านที่สะอาด โลกที่สะอาด และอนาคตที่สะอาด (Clean Future) ด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่มอบทั้งประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า ควบคู่ไปกับความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

Sunlight Plus ถือเป็นผลิตภัณฑ์รายแรกในประเทศไทยที่ใช้ขวดรีไซเคิล 100% และใช้เทคโนโลยี Rhamno Clean การทำความสะอาดจากสารสกัดธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่าย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดลดปริมาณขยะพลาสติกที่จะถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบได้ถึง 1,987 ตันต่อปี ในขณะที่ Comfort ปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้เข้มข้นขึ้นและเปลี่ยนเป็นบรรจุภัณฑ์แบบรีฟิลที่ใช้พลาสติกน้อยลงกว่า 80% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบเดิม
แนวทางของกลุ่ม Home Care สะท้อนให้เห็นว่า “ความสะอาดที่แท้จริง” ไม่ได้จบลงเพียงแค่ภายในบ้าน แต่ยังขยายออกไปสู่การดูแลโลกใบเดียวกันอย่างต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบด้วยแนวคิด Zero Waste สู่กระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล การลดปริมาณพลาสติก หรือการสร้างสูตรที่ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกขั้นตอนของการผลิตจึงกลายเป็นวงจรแห่งความรับผิดชอบ ที่ไม่เพียงมอบความสะอาดให้ผู้บริโภค แต่ยังช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมให้โลกอีกด้วย
Foods- อาหารอร่อยที่ผสานความยั่งยืน
ในส่วนแนวทางของกลุ่ม Foods คือการผสานความอร่อยเข้ากับความยั่งยืน เพื่อมุ่งสร้าง “ครัวแห่งอนาคตที่ยั่งยืน” ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงบรรจุภัณฑ์ปลายทาง
แบรนด์ Knorr เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอาหารที่คำนึงถึงทั้งรสชาติและความรับผิดชอบต่อโลก ด้วยการออกแบบซองซุปและเครื่องปรุงให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% พร้อมความร่วมมือกับ SCG Chemicals ประเทศไทย ในการใช้บรรจุภัณฑ์ Food-Grade Recycled ครั้งแรกในอาเซียนผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ISCC PLUS และสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้โดยยังคงคุณภาพของวัสดุ
Knorr ยังผลักดันแนวคิด “From Farm to Table to Planet” ในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน ตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำจนถึงมือผู้บริโภค ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบจากเกษตรกรที่ใช้วิธีการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน การลดการใช้พลังงานในโรงงาน ไปจนถึงการออกแบบซองบรรจุภัณฑ์ให้บางลงแต่แข็งแรงขึ้น เพื่อประหยัดทรัพยากรและลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการขนส่ง
ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม Knorr กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร ที่ให้ความสำคัญกับทั้งสิ่งที่อยู่บนโต๊ะอาหาร และผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
ในวันที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจของการเติบโตทางธุรกิจ บทพิสูจน์จาก Unilever ชี้ให้เห็นว่า “แบรนด์ที่อยู่รอดในอนาคต” คือแบรนด์ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของตลาดและความต้องการของโลก ตั้งแต่แนวคิดผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ในมือผู้บริโภค เพราะในท้ายที่สุด ทุกการตัดสินใจของแบรนด์ไม่ได้สะท้อนแค่แนวทางธุรกิจ แต่คือการส่งคำตอบสำคัญว่า เราจะส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับโลกใบนี้อย่างสมดุลและยั่งยืน
