การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูธรรมชาติ
ในตอนนี้ยูนิลีเวอร์กำลังดำเนินการเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศของเราและป้องกันการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะในปัจจุบันวัตถุดิบจำนวนมากที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เป็นวัตถุดิบที่มาจากระบบนิเวศธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ โดยเป็นการพึ่งพาบริการด้านระบบนิเวศต่างๆ เช่น การย่อยสลายของเสีย การควบคุมน้ำท่วม การผสมเกสรของพืช การกรองน้ำ การกักเก็บคาร์บอน การควบคุมสภาพอากาศ ซึ่งบริการเหล่านี้และบริการอื่นๆ ทั่วโลกมีมูลค่ารวมไม่น้อยไปกว่า 125 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
การพึ่งพาธรรมชาติเหล่านี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งหล่อเลี้ยงระบบนิเวศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือแนวทางการเกษตรและป่าไม้ที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัตถุดิบที่สำคัญที่เราต้องการในขั้นตอนกระบวนการผลิต และความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานของเรา
ผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเสื่อมโทรมของธรรมชาติ การขาดแคลนน้ำ การทำฟาร์มและป่าไม้ที่ไม่ยั่งยืน รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆ ทำให้เกิดวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ มีสิ่งมีชีวิตนับล้านชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และหากเราทุกคนไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ระบบนิเวศก็จะล่มสลาย ไม่สามารถหาสัตว์และพืชชนิดอื่นๆ มาทดแทนได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนอีกด้วย องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติรายงานว่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพคุกคามความปลอดภัยของแหล่งอาหารของโลกและความเป็นอยู่ของผู้คนนับล้าน
แต่จากแผนงานที่วางไว้ในเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ทำให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ในช่วงเวลาอันแสนจำกัดนี้ เรายังเหลือหนทางในการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ และทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปพร้อมๆ กัน จึงเป็นเหตุผลที่เราได้กำหนดมาตรการอันทะเยอทะยานหลายประการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปกป้องธรรมชาติ
เกร็ดความรู้: Biodegradable คืออะไร? แตกต่างจาก Biodiversity อย่างไร?
จากที่กล่าวมาข้างต้นทำให้เรารู้จักกันไปแล้ว ว่า Biodiversity คือความหลากหลายทางชีวภาพที่ยูนิลีเวอร์กำลังให้ความสำคัญ ซึ่ง Biodegradable ก็เป็นสิ่งที่องค์กรผู้ผลิตทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเช่นกัน โดยที่ Biodegradable คือ วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ สามารถย่อยสลายหรือแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้โดยจุลินทรีย์ในดิน จากนั้นก็จะออกมาในรูปแบบของน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ หรือสารชีวมวล และสามารถหมุนเวียนคืนสู่ธรรมชาติอย่างสมดุลและปลอดภัย ซึ่งระยะเวลาของกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อุณหภูมิ รวมถึงวัสดุและการใช้งานด้วย
ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ Biodegradable หรือผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้นั้น จะมีการคำนึงถึงผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบอย่างรอบด้าน เกิดเป็นกระบวนการหมุนเวียนที่ดูแลตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การทดแทนทรัพยากรที่เสียไปในกระบวนการผลิต การใช้งาน อายุการใช้งาน การย่อยสลาย และการหมุนเวียนคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง รวมทั้งยังมีระบบจัดการที่รองรับหลังการใช้งาน เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้ปิโตรเลียมลงอีกด้วย
ตัวอย่างของการใช้ Biodegradable เช่น พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ โดยทำจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด อ้อย หรือมันสำปะหลัง
โครงการนำร่องตัวอย่าง: การเปลี่ยนดอกไม้ที่ไม่ต้องการให้กลายเป็นน้ำหอม
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้แล้วนั้น ยูนิลีเวอร์ยังทดลองใช้แนวคิดในการสร้างส่วนผสมที่คุ้มต้นทุนโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพและการจัดหาวัตถุดิบทางชีวภาพ ด้วยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างส่วนผสมที่คุ้มต้นทุนสำหรับสูตรผลิตภัณฑ์ของเราเองจากพืชเหลือใช้ และได้เริ่มสกัดส่วนผสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากพืชที่ไม่ต้องการเพื่อสร้างน้ำหอมใหม่ โดยเริ่มจากน้ำมันดอกเพทูเนีย กุหลาบ และดาวเรือง
ความผันผวนของความต้องการตามฤดูกาลและปัญหาด้านคุณภาพ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พืชทั่วโลกกว่า 990 ล้านตันอาจถูกทิ้งในทุกปี ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหานี้ เกษตรกรที่ทำงานกับกลุ่ม Bridge Farm (บริดจ์ ฟาร์ม) ในเมืองสปอลดิง (Spalding) ซึ่งขายพืชกว่า 90 ล้านต้นให้กับผู้ค้าปลีกในสหราชอาณาจักรทุกปี ได้จัดเก็บพืชที่ไม่สามารถขายให้กับผู้ค้าปลีกได้ และขยายอายุของพืชเหล่านี้ในเรือนกระจกขนาด 60 เอเคอร์ ซึ่งนานพอที่จะรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่าสูงในห้องแล็บของเราได้
เพื่อพิสูจน์แนวคิด นักวิจัยได้ใช้เครื่องสกัด Soxhlet (ซอกซ์เลต) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยจะทำให้ดอกไม้ที่ใส่ไปในเครื่องเกิดความร้อน จากนั้นอุปกรณ์จะสกัดเพื่อดึงน้ำมันหอมระเหยจากกลีบดอกออกมา และมีการเพิ่มคลื่นอัลตราโซนิก ซึ่งใช้คลื่นเสียงเพื่อทำลายผนังเซลล์และให้ผลผลิตที่มากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการสกัดสารประกอบ และเร็วกว่าวิธีการดั้งเดิมถึง 40%
หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า “กลิ่นหอมเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ภายในบ้านหรือบนร่างกายของผู้คน การใช้หลักการด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการจัดหาวัตถุดิบทางชีวภาพล่าสุดของยูนิลีเวอร์ ทำให้เราเห็นศักยภาพมหาศาลในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับพืชโดยการสกัดส่วนผสมที่มีคุณค่าและสร้างกลิ่นหอมใหม่ๆ ที่หลากหลายและยั่งยืน พืชที่ไม่ได้มาตรฐานก็ยังเป็นวัสดุที่มีคุณค่าซึ่งมีประโยชน์ในการใช้งานและอาจลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นการค้นหาการใช้งานที่หลากหลายของขยะจากฟาร์มเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดหาส่วนผสมและผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน”
การเดินทางสู่ความยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้
ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ (Biodegradable) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการนำร่องที่ใช้ดอกไม้ที่ไม่เป็นที่ต้องการในการผลิตน้ำหอมเป็นตัวอย่างของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เราเชื่อว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้จะช่วยสร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว