AI ได้กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับการตลาดที่มีประสิทธิผล
ต้องขอบคุณเครื่องมือสร้างสรรค์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คอนเทนต์ที่เคยใช้เวลาหลายเดือนในการสร้าง ตอนนี้กลับใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
แต่ความเร็วเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของประโยชน์ที่ AI มอบให้
เทคโนโลยีอันล้ำสมัยยังช่วยให้ทีมฝ่ายการตลาดของเราสามารถเพิ่มความเกี่ยวข้อง ความสอดคล้อง และผลกระทบจากคอนเทนต์ของเรา เพื่อเปลี่ยนให้เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรม
และยังสามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของแบรนด์ นี่เป็นเพราะกรอบงานและระบบอันชาญฉลาดอย่าง Digital Product Twins และคลังเก็บข้อมูลการฝึก Brand Safe AI ที่เรียกว่า Brand DNAi ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าโมเดล AI จะดึงข้อมูลมาจากกลุ่มข้อมูลความคิดเห็น ค่านิยม กลยุทธ์ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ผ่านการรับรองแล้วเท่านั้น
Morgan Vawter CDIO แผนกผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน และอาหาร กล่าวว่า “AI และเทคโนโลยีกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการสร้างเครื่องจักรการขายและการตลาดของเรา โดยกระตุ้นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ"
แต่ AI ไม่ใช่โซลูชันเดียวที่ “ใช้ได้กับทุกสถานการณ์” กุญแจสำคัญในการค้นหาโซลูชันการตลาด AI ที่ได้ผลจริงอยู่ที่การใช้งานระบบนิเวศคอนเทนต์ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม
เร่งความเร็วในการสร้างคอนเทนต์ คุณภาพ และผลกระทบ
ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของความเร็วที่เพิ่มขึ้นคือการใช้โมเดลการผลิตอย่างรวดเร็ว SuperShoots ของ Closeup ในระหว่างการเปิดตัวยาสีฟันไวท์เทนนิ่ง White Now
ระบบที่ทำงานด้วย AI ช่วยให้ Closeup สามารถผลิตแอสเซ็ตได้กว่า 100 รายการ โดยสร้างขึ้นจากการตั้งค่าแบบโมดูลที่แตกต่างกันสิบแบบ ภายในเวลาเพียงสามวัน
“ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา เนื่องจากเรามุ่งเป้าไปที่กลุ่ม Gen Z ที่บริโภคคอนเทนต์อย่างรวดเร็วและคาดหวังว่าแบรนด์จะตามทัน” Gem Laforteza ผู้อำนวยการแบรนด์ระดับโลกของ Closeup กล่าว
“นอกจากนี้ ยังทำให้เราสามารถถ่ายทำคอนเทนต์สำหรับประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาโมเมนตัมและความสม่ำเสมอ”
นอกจากความเร็วแล้ว แอสเซ็ตที่ SuperShoots ผลิตขึ้นยังได้รับการปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่องทางอีกด้วย ตั้งแต่โซเชียลไปจนถึงจุดขาย โมเดลการผลิตได้สร้างคอนเทนต์ซึ่งพร้อมที่จะทำให้เกิดผลกระทบในทุกช่องทางและในทุกตลาด

ผลักดัน Desire at Scale โดยการเข้าถึงวัฒนธรรมและเทรนด์แบบเรียลไทม์
AI ยังช่วยให้ทีมสามารถกำหนดลักษณะของผลกระทบได้ในขณะที่ยูนิลีเวอร์เปลี่ยนผ่านไปสู่กลยุทธ์ Desire at Scale ที่เน้นการเชื่อมโยงด้านอารมณ์กับผู้บริโภค
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านของเรา ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังคงเน้นไปที่เรื่องประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์มากกว่าเรื่องอารมณ์
ผู้ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้คือสตูดิโอออกแบบกราฟิกภายในองค์กรที่ชื่อ Sketch Pro ซึ่งทำงานอยู่ในทีมแบรนด์ โดยทำทำหน้าที่ระบุและนำเครื่องมือ AI ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้
ปัจจุบันทีมกำลังผลิตแอสเซ็ตคุณภาพสูงภายในระยะเวลาที่สั้นลงอย่างมาก ซึ่งช่วยให้ทีมนี้สามารถมีส่วนร่วมกับเทรนด์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิผล
ตัวอย่างเช่น ในอินโดนีเซีย คอนเทนต์เกี่ยวกับเทรนด์ลิปซิงค์ในช่วงรอมฎอนถูกเผยแพร่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยมียอดเข้าชมแบบไม่ผ่านโฆษณามากกว่า 6 ล้านครั้ง และเพิ่มการมองเห็น TikTok สำหรับแบรนด์อย่าง Rinso และ Sunlight ถึง 22.5%
และนี่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ขณะนี้ทีมต่าง ๆ ในลอนดอน เซาเปาโล มุมไบ จาการ์ตา เดอร์บัน เซี่ยงไฮ้ และอิสตันบูลกำลังสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง สนุกสนาน และน่าสนใจมากขึ้น โดยอาศัยความคล่องตัวที่ Sketch Pro ช่วยปรับปรุงให้
“Sketch Pro เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับอนาคตของการออกแบบและการสื่อสารได้อย่างที่ต้องการ” Mario Dughi ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล การออกแบบ และสื่อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านของยูนิลีเวอร์กล่าว

คอนเทนต์ที่ส่งผลต่อตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก
ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจยังพบได้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามและสุขภาพ ซึ่งระบบ Beauty AI Studio ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเร่งรัดให้เกิดการสร้างสรรค์และประสิทธิภาพให้กับแบรนด์ชั้นนำด้านความงามและสุขภาพทุกแบรนด์ ได้แก่ Dove, Vaseline, POND’S SKIN INSTITUTE และ CLEAR
ระบบ AI นี้ครอบคลุมทั้งวงจรชีวิตของคอนเทนต์ตั้งแต่การเริ่มแนวคิดไปจนถึงการปรับให้เหมาะกับบุคคลในตลาดที่มีความสำคัญ ทำให้เราสามารถผลิตแอสเซ็ตได้เร็วกว่าเดิมถึง 30% ยิ่งไปกว่านั้น นวัตกรรมนี้ยังเพิ่มค่าของตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักได้มากกว่าสองเท่า เช่น อัตราการดูวิดีโอจนจบ (VCR) และอัตราการคลิกโฆษณา (CTR)
นอกจากนี้ ด้วยการใช้วิธีดำเนินการแบบคล่องตัว การฝึกแบบองค์รวม และการปรับปรุงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล Beauty AI Studio ทำให้ทีมสามารถทุ่มเทให้กับสิ่งที่ได้ผลได้อย่างรวดเร็วด้วยการปรับเปลี่ยนแอสเซ็ตให้เหมาะสมที่สุดในแบบเรียลไทม์โดยมีครีเอทีฟที่ทำผลงานได้ดีเยี่ยมเป็นผู้แนะนำ
ท้ายที่สุดแล้ว AI กำลังช่วยสร้าง Desire at Scale โดยส่งมอบเรื่องราวที่สะท้อนถึงอารมณ์และมีความเป็นแบรนด์อย่างแท้จริงด้วยความเร็วและความแม่นยำ พร้อมมีความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรมมากขึ้น

สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าด้วยโซลูชันเฉพาะบุคคล
การใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรมยังมีความสำคัญอย่างยิ่งกับ Unilever Food Solutions (UFS) โดยมีการนำเครื่องมือ AI Recipe Intelligence มาใช้เพื่อช่วยสร้างความไว้วางใจและความภักดีของผู้บริโภค
“เครื่องมือ AI นี้มอบแรงบันดาลใจในการทำอาหาร เทคนิคการทำอาหาร รายการส่วนผสม และขั้นตอนการเตรียมอาหารที่ดีที่สุดให้แก่เชฟ เพื่อปรับปรุงการทำงานในห้องครัวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยึดตามประเภทของร้านอาหาร ประเภทอาหาร และความต้องการด้านโภชนาการ” Angela Klute ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลกของ UFS อธิบาย
ข้อแตกต่างจากระบบ AI เชิงสร้างสรรค์อื่น ๆ คือ Recipe Intelligence จะใช้ข้อมูลพิเศษที่สร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารที่หลากหลายของทีมเชฟมืออาชีพภายในองค์กรของ UFS จำนวน 250 คน
ระบบ AI นี้ประกอบไปด้วยสูตรอาหารกว่า 30,000 รายการ การประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรม และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เก็บรวบรวมจากงานวิจัยชั้นนำประจำปี Future Menu Trends ของ UFS
Recipe Intelligence ยังให้บริการที่เพิ่มมูลค่าสำหรับผู้บริโภค ได้แก่ การทดสอบความเข้ากันได้กับ Gen Z ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นการปรับเมนูออนไลน์ที่มีอยู่แล้วเพื่อดึงดูดกลุ่มประชากรวัยหนุ่มสาว
จนถึงขณะนี้ระบบได้สร้างอัตราความพึงพอใจ 96% โดยมีผู้ปฏิบัติงาน 30% กลับมาใช้บริการอีก การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยระยะเวลาการแชทเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็น 13 นาที

“นี่คือหน้าตาของมนุษย์จาก AI” Morgan สรุป “และเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของพลังความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเราพบว่าสามารถให้ผลลัพธ์แก่กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของเรา”
