ข้ามไปที่ เนื้อหา

เครื่องมือ AI และอีคอมเมิร์ซกำลังพลิกโฉมการค้าปลีกในตลาดเกิดใหม่อย่างไร

ที่ตีพิมพ์:

แพลตฟอร์ม eB2B บนคลาวด์ของ Unilever สำหรับกระจายสินค้าได้เริ่มใช้งานแล้วในตลาด 5 แห่ง ค้นพบวิธีการเชื่อมต่อกับผู้จัดจำหน่าย พนักงานขาย และผู้ค้าปลีกด้วยเครื่องมือดิจิทัลและข้อมูลเชิงลึกจาก AI แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและยกระดับการทำงานในภาคสนาม

มือคนกำลังแตะที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดแอปและสั่งซื้อสินค้าปลีก

แพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายสินค้าทางดิจิทัลที่สร้างขึ้นมาพิเศษซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงการจัดการคำสั่งซื้อของ Unilever จากผู้ค้าปลีกรายย่อยแบบครบวงจรจะเริ่มใช้งานในตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญ 6 แห่งภายในเดือนพฤษภาคมนี้

Prashaant Huria รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาลูกค้าของ Unilever กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อรองรับอนาคตซึ่งสามารถปรับขนาดและทำหน้าที่กระจายสินค้าของเราได้ทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ปรับให้เข้ากับความต้องการและความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ได้”

การสั่งซื้อที่เป็นไปในรูปแบบดิจิทัลตั้งแต่ความต้องการซื้อไปจนถึงการจัดส่ง

ขณะนี้ผู้ค้าปลีกเกือบ 500,000 ราย ผู้จัดจำหน่าย 600 ราย และพนักงานขายกว่า 6,000 คนในอินโดนีเซีย เวียดนาม ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไทย สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มบนคลาวด์และเครื่องมือดิจิทัลได้แล้ว เครื่องมือเหล่านี้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การสร้างความต้องการไปจนถึงการรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการตามคำสั่งซื้อ และการบริการลูกค้า กำลังจะเริ่มใช้งานในบังคลาเทศ

“นอกจากนี้ เรายังจัดให้มีการฝึกอบรมอย่างครอบคลุมและการสนับสนุนในภาคสนามเพื่อให้แน่ใจว่าระบบเรียบง่าย มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้อย่างราบรื่น” Prashaant กล่าวเสริม

ขณะนี้แพลตฟอร์มประมวลผลคำสั่งซื้อ 75,000 รายการต่อวัน รองรับยอดขาย 2,500 ล้านยูโรต่อปี

โมเดลที่คล้ายกันนี้ในอินเดีย ซึ่งมีชื่อว่า Shikhar กำลังให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังถูกปรับใช้ให้เหมาะสำหรับละตินอเมริกาเพื่อตอบสนองความต้องการการกระจายสินค้าสู่ตลาดโดยเฉพาะ

ตัวเลขของการกระจายสินค้าในรูปแบบดิจิทัล

  • 6 ตลาดในเอเชีย
  • ร้านค้าปลีก 500,000 แห่ง
  • ผู้จำหน่าย 600 ราย
  • ดำเนินการคำสั่งซื้อ 75,000 รายการต่อวัน
  • ยอดขาย 2,500 ล้านยูโรต่อปี

การลงทุนในด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก้านค้าปลีกขนาดเล็ก

ถึงแม้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่จะเติบโตขึ้น แต่ร้านค้าขนาดเล็กก็ยังคงเป็นช่องทางการขายหลักสำหรับสินค้าจำเป็นสำหรับครัวเรือนในตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ และคาดว่าตัวเลขจะเติบโตขึ้นปีละ 7.6% ไปจนถึงปี 2030.

โดยทั่วไปร้านค้าปลีกขนาดเล็กเหล่านี้มักอาศัยตัวแทนฝ่ายขายที่เข้ามาสั่งซื้อและเติมสินค้าในสต็อก นอกจากนี้ ร้านเหล่านี้อาจประสบปัญหาการจัดส่งที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมทั้งปัญหาการเข้าถึงโปรโมชั่นและราคาที่ดีที่สุดได้อย่างจำกัด

ขณะนี้ผู้ค้าปลีกเหล่านี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเปลี่ยนเป็นรูปแบบดิจิทัลของ Unilever สามารถเข้าถึงแอป eB2B เดียวกันกับที่ตัวแทนฝ่ายขายของเราใช้ นี่หมายความว่าแม้แต่ผู้ค้าปลีกในชนบทที่มีอินเทอร์เน็ตไม่ทั่วถึง ก็ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดูแค็ตตาล็อกผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราได้ รับส่วนลดและข้อเสนอที่ดีที่สุด และสั่งซื้อสต็อกสินค้าที่ต้องการได้ด้วยตนเองไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

เกิดผลกระทบต่อยอดขายและความสะดวกในการบริการอย่างมีนัยสำคัญ “แอปนี้สร้างโอกาสทางธุรกิจและกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง” ผู้จัดจำหน่ายรายหนึ่งในประเทศไทยกล่าว พนักงานขายยังรู้สึกว่าแอปทำให้การทำงานของพวกเขาสะดวกง่ายดายขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เราพบว่าคะแนน Net Promoter ของเราเพิ่มสูงขึ้น นี่เป็นคะแนนที่ใช้วัดว่าผู้ค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการของเราให้กับคนอื่นมากน้อยเพียงใด โดยแอปค้าปลีก eB2B ของเราอยู่ที่อันดับ 1 เหนือคู่แข่งในประเทศเหล่านี้

ผู้ค้าปลีกหญิงในโครงการ Shakti สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Unilever โดยใช้แอปบนโทรศัพท์ของเธอ

การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและ AI เพื่อเพิ่มความภักดีและกระตุ้นยอดขาย

ประโยชน์สำคัญอีกประการหนึ่งของการเปลี่ยนเป็นรูปแบบดิจิทัลคือข้อมูลเชิงลึกที่ได้ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของเรา

ในระดับมหภาค เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการคาดการณ์และกำหนดกลยุทธ์ช่องทางการตลาดได้ ในระดับจุลภาค ข้อมูลเชิงลึกในระดับร้านค้าสามารถเพิ่มความภักดี มูลค่าการสั่งซื้อ และยอดขายโดยรวมได้

คำแนะนำในการจัดประเภทจาก AI ช่วยให้ตัวแทนฝ่ายขายใช้เวลาเข้าไปที่ร้านค้า 15-20 นาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ตัวอย่างเช่น การสร้างแบบจำลอง AI ขั้นสูงช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าผู้ค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะซื้ออะไร

การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการและมีมูลค่ามากที่สุดทำให้เราสามารถพัฒนาบทบาทของตัวแทนขายให้ก้าวข้ามการเป็นเพียงแค่คนรับออเดอร์ได้

เนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกที่มีความละเอียดยิ่งขึ้นเหล่านี้ ทีมฝ่ายขายจึงสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การมีส่วนร่วม ปรับแต่งโปรแกรมสะสมคะแนน และวางแผนโปรโมชั่นและแคมเปญที่ตรงจุดมากขึ้น เพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องกับผู้ค้าปลีก ซึ่งผลักดันการสร้างฐานลูกค้าและยอดขาย

นอกจากนี้ยังทำให้การโทรจากพนักงานขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ตัวแทนสามารถเข้าไปที่ร้านค้าได้มากขึ้นโดยไม่กระทบต่อการให้บริการลูกค้า

ภาพถ่ายของการจัดแสดงในร้านค้าเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่ง การใช้ AI และเทคโนโลยีประมวลผลภาพทำให้ทีมฝ่ายขายสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณสต็อกสินค้า ให้คำแนะนำผู้ค้าปลีกเกี่ยวกับการจัดวางผลิตภัณฑ์และการจัดแสดงสินค้าเพื่อส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มโอกาสการเติบโตให้มากขึ้น

ช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายทำงานได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยผู้จัดจำหน่ายในการเพิ่มประสิทธิภาพของขั้นตอนการทำงานด้วย เมื่อได้รับคำสั่งซื้อ ระบบจัดการการจัดจำหน่ายของเราจะตรวจสอบปริมาณสต็อกปัจจุบันเทียบกับปริมาณที่สั่งซื้อ และจัดหาใหม่โดยอัตโนมัติหากปริมาณสินค้าในสต็อกไม่เพียงพอ จากนั้น ระบบก็จะจัดการการชำระเงิน เครดิต และผลตอบแทนอย่างราบรื่น

ในหลายตลาดยังมีการติดตั้งเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางไว้ในระบบ เพื่อช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายสามารถระบุตัวเลือกที่ยั่งยืนและคุ้มทุนที่สุดสำหรับการจัดส่ง

ให้บริการที่ดีที่สุด

การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับโลกในการให้บริการสั่งซื้อ ส่วนลด และการสนับสนุนทางออนไลน์ ถือว่า Unilever ได้ยกระดับการให้บริการแก่ผู้ค้าปลีกขนาดเล็กหลายล้านราย ส่งผลให้ร้านค้าเหล่านี้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความยืดหยุ่น และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้

กลับไปด้านบน