ข้ามไปที่ เนื้อหา

ยูนิลีเวอร์ลดภาวะโลกร้อน จาก Carbon Footprint ที่หลายคนคาดไม่ถึง

ที่ตีพิมพ์:

ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อเป็นองค์กรสีเขียว ที่ต้องการลดผลกระทบให้เกิดกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด การลดภาวะโลกร้อนจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยูนิลีเวอร์กำลังทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นในการค้นหาและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยลด Carbon Footprint จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเรา

ยูนิลีเวอร์เริ่มต้นกลยุทธ์ Go Green

ทำความรู้จัก Carbon Footprint หนึ่งในสาเหตุภาวะโลกร้อน

การปล่อยมลพิษจากวงจรการผลิต
Carbon Footprint คืออะไร

Carbon Footprint หรือรอยเท้าคาร์บอน คือปริมาณการปล่อยมลพิษหรือก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่มีต่อระบบสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมวงจรการผลิตและการบริโภคทั้งหมด ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและประกอบชิ้นส่วน การขนส่ง การใช้งาน และการจัดการของเสียต่างๆ หลังใช้งาน

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่พบได้บ่อย และมักเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนมีมากมาย เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นในยานพาหนะต่างๆ หรืออุปกรณ์สำหรับการเกษตรสมัยใหม่ การสร้างฟองโฟมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดต่างๆ การทิ้งขยะและการเผาขยะ หรือแม้กระทั่งการเกิดจุลินทรีย์จากการย่อยอาหารของสัตว์อย่างวัวหรือควายก็ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เช่นกัน

ยูนิลีเวอร์ กับการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม

ในฐานะที่ยูนิลีเวอร์เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความสำคัญกับการลดก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่การดูแลโรงงานให้ได้มาตรฐาน การจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้นวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมทั้งตัวบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงตัวผลิตภัณฑ์ และยูนิลีเวอร์ก็ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

แต่หลายคนอาจยังไม่เคยทราบว่าในโลกดิจิทัล แม้แต่เว็บไซต์ (Websites) ต่างๆ ในปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นเดียวกัน โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ได้มีการศึกษาผลกระทบและประเมินเอาไว้โดยพบว่าภาคส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มีสัดส่วนประมาณ 2.1–3.9% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่ทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทัดเทียมกับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก เราจึงตรวจสอบบนหน้าเว็บไซต์ของ Unilever.com และค้นพบ 5 วิธีที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากเว็บไซต์ของเรา ทำให้องค์กรของเรามีความยั่งยืนทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  1. การใช้บริการจากโฮสต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green hosting)

    เว็บไซต์ของยูนิลีเวอร์ติดตั้งอยู่บน Netlify ซึ่งมีผู้ให้บริการเป็น Google Cloud และ Amazon Web Services โดย Google Cloud เป็นผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายความว่าพลังงานที่ขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลและโฮสต์ไซต์ของเรานั้นถูกสร้างขึ้นจากแหล่งที่สะอาดและยั่งยืน เช่นพลังงานจากลม พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานไฮโดรเจน ส่วน Amazon Web Services ก็วางแผนที่จะใช้พลังงานจากแหล่งที่มีการผลิตพลังงานจากการใช้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2568 เช่นกัน

  2. การลดภาระการใช้พลังงานจากไฟล์รูปภาพ

    รูปภาพเป็นชนิดทรัพยากรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเว็บไซต์ ทั้งยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในแง่ของการใช้ข้อมูลและพลังงาน ดังนั้นเพื่อเป็นการลดภาระการใช้พลังงานที่มีขนาดใหญ่นี้ลง ยูนิลีเวอร์จึงเลือกบันทึกภาพในรูปแบบ WebP แทนรูปแบบฟอร์แมตแบบดั้งเดิม เช่น JPEG และ PNGs ซึ่งสามารถช่วยให้ภาพมีขนาดเล็กลงและใช้ข้อมูลน้อยกว่า JPEG ถึง 30% โดยไม่สูญเสียคุณภาพความคมชัดของรูปภาพ

  3. การรับชมใน 'โหมดมืด (Dark mode)' ช่วยประหยัดพลังงาน

    ทางด้านซ้ายของแถบค้นหาบนเว็บไซต์ Unilever.com จะมีปุ่ม 'ธีม' โดยเป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเลือกชมเว็บไซต์ในโหมดมืดได้ ทำให้ช่วยประหยัดพลังงานหน้าจอได้ถึง 42% เมื่อเข้าชมเว็บไซต์บนหน้าจอ OLED ที่มักอยู่ในโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากใช้ข้อมูลน้อยกว่าและช่วยให้โหลดเร็วขึ้น นอกจากนี้โหมดมืดยังทำให้เว็บไซต์ได้รับการเข้าถึงมากขึ้นเนื่องจากช่วยลดอาการปวดตาน้อยลงนั่นเอง

  4. การเพิ่มปุ่มเล่น/หยุดชั่วคราวให้กับวิดีโอ

    เราได้เพิ่มปุ่มเล่น/หยุดชั่วคราวให้กับวิดีโอทั้งหมดของเรา แม้ว่าบางส่วนยังคงใช้ระบบการเล่นอัตโนมัติ ที่ทำให้ต้องใช้พลังงานมาก แต่ยูนิลีเวอร์ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา เพื่อค้นหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาวิดีโออย่างต่อเนื่อง และหากเป็นไปได้ เราตั้งเป้าที่จะแทนที่วิดีโอด้วยภาพเคลื่อนไหว ภาพประกอบ และภาพนิ่ง

  5. แนวคิดการออกแบบที่ปราศจากขยะ

    ยิ่งเว็บไซต์หรือหน้าเว็บไซต์มีขนาดและความซับซ้อนมากขึ้นเท่าใด การส่งและประมวลผลข้อมูลก็จะยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น เรารับรองว่านักออกแบบ นักพัฒนา และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ทุกคนทำงานและจัดการหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดอยู่ที่ 1.5 เมกะไบต์ในแต่ละหน้า (ค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ 2.4 เมกะไบต์) ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เพจต่างๆ ของยูนิลีเวอร์เข้าถึงได้มากขึ้น ที่สำคัญเรายังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาทุกอย่างจะเพิ่มประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ให้ดีมากขึ้น

กลับไปด้านบน