ข้ามไปที่ เนื้อหา

ยูนิลีเวอร์ต่อยอดนวัตกรรมทางสังคมจากเวที GCNT FORUM 2023

ที่ตีพิมพ์:

ยูนิลีเวอร์เข้าร่วมเวที GCNT FORUM 2023 หรือ Global Compact Network Thailand Forum 2023 ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาคนยุค 5.0 สู่สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” เพื่อขับเคลื่อน “การพัฒนาคน” (Human Capital Development) ให้มีความรู้ ทักษะเชิงเทคโนโลยี และจิตสำนึกด้านความยั่งยืน ที่ต่อยอดจากความตระหนักรู้ด้านคุณธรรมและจริยธรรมตอบโจทย์ความต้องการของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI (Artificial Intelligence) และความต้องการงานสีเขียวในปัจจุบัน เพื่อช่วยองค์กรและประเทศให้บรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการพัฒนาของสังคมและ เศรษฐกิจโลก เพื่อตอบโจทย์ยุค 5.0 หรือ Sustainable Intelligence-Based หรือ “SI” Society หรือ “สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” และร่วมกันสร้างสังคม “SI Over AI” ในหัวข้อสำคัญของเวทีประชุม ดังนี้

ยูนิลีเวอร์เข้าร่วมเวที GCNT FORUM 2023
ยูนิลีเวอร์ร่วมสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน SI Over AI

1. ปั้นคนให้ก้าวไปข้างหน้าและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

คุณชู ลิม รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายซัพพลายเชนผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนภาคพื้นอาเซียน และประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา และลาว ได้กล่าวโดยสรุปในงานประชุมที่จัดขึ้นไว้ว่า
"ยูนิลีเวอร์คือองค์กรระดับสากลที่มีสาขาธุรกิจอยู่ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยพนักงานกว่า 127,000 คน และเรายังมีผู้บริโภคกว่าพันล้านคนทั่วโลกที่ใช้สินค้าของแบรนด์ภายใต้เครือยูนิลีเวอร์ เราจึงเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายที่มุ่งมั่นทำสิ่งดีๆ และสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเรา

เราตระหนักดีว่าการดำเนินงานและพนักงานของเรากระจายอยู่ทั้งในภาคสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนวัฒนธรรมและเทคโนโลยี รวมถึงภูมิทัศน์สิ่งแวดล้อมที่แพร่หลายทั่วโลก ดังนั้นความสามารถของเราในการสร้างผลกระทบเชิงบวก คือการขับเคลื่อนความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนขององค์กร ในขณะเดียวกันก็ทำความเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเรา และเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้บริโภคของเราด้วย ดังนั้นกลยุทธ์ของเรายังคงเป็นธุรกิจที่เหมาะกับอนาคตที่ขับเคลื่อนตามวัตถุประสงค์ (Purpose-led, future-fit business) ยูนิลีเวอร์เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจและพนักงานจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถกำหนดรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เช่นเดียวกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมอย่างยั่งยืน"

2. กลยุทธ์ Unilever Compass การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของยูนิลีเวอร์

ยูนิลีเวอร์มองว่าความเท่าเทียมทางสังคมและการไม่แบ่งแยกถือเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจยั่งยืนและก้าวสู่การเป็นองค์กรเศรษฐกิจสีเขียว เราจึงขับเคลื่อนทั้งองค์กร ให้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบกับประเด็นความยั่งยืนที่มีความสำคัญระดับโลก ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ พลาสติก และความไม่เท่าเทียมทางสังคมเป็นหลัก

เรากำลังขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้น ผ่านกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กร Unilever Compass ที่ทุกคนจะมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของในการขับเคลื่อนความสำเร็จด้านความยั่งยืน ตั้งแต่การสร้างความเป็นผู้นำ การสร้างทีม ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจต่างๆ รวมถึงการจัดการกับปัญหา ที่จะกำหนดเป้าหมายในการจัดการกับปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาเรื่องพลาสติก การปรับปรุงปัญหาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่เป็นธรรม การขับเคลื่อนเป้าหมายสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน และการสร้างความเสมอภาค ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกในที่ทำงานของเรา ซึ่งส่วนต่างๆ ของธุรกิจและพนักงานของเราได้มีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้และขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเรายืนหยัดเป็นองค์กรสีเขียว และเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน ที่จะสนับสนุนด้านความยั่งยืนทั้งที่เกี่ยวข้องกับในระดับสากล และยกระดับความยั่งยืนในระบบท้องถิ่น ด้วยกลยุทธ์ Purpose-led, Future-fit เราเชื่อว่า แบรนด์ที่มีเป้าหมายเติบโต บุคลากรที่มีเป้าหมายจะเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน และองค์กรที่มีเป้าหมายจะยืนหยัดได้

3. การเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานของเรา

ฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้เตรียมความพร้อมให้กับพนักงานของเรา (Futer of Work) ใน 3 ด้าน

1. Future Workforce - ช่วยให้เยาวชน 10 ล้านคนมีทักษะสำหรับอนาคตภายในปี พ.ศ. 2573

คนรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จบการศึกษาโดยไม่ได้เตรียมความพร้อมสำหรับโลกแห่งการทำงาน และผู้ที่หางานทำมีแนวโน้มที่จะมีการจ้างงานที่ไม่มั่นคงมากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรและรัฐบาลทั่วโลกเพื่อสร้างทักษะจำเป็นสำหรับการจ้างงานให้กับผู้ที่มีอายุ 15 ถึง 24 ปี โดยทำงานร่วมกับหน่วยงาน Generation Unlimited ของ UNICEF เพื่อสร้างทักษะที่จำเป็นในการหางานที่มีความหมาย ลดปัญหาการว่างงานของผู้คน และสนับสนุนให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2. Future Workplace - บุกเบิกโมเดลใหม่เพื่อให้พนักงานของเรามีทางเลือกในการจ้างงานที่ยืดหยุ่นภายในปี พ.ศ. 2573

U-Work ของยูนิลีเวอร์ทำให้พนักงานมีอิสระและความยืดหยุ่นที่เกี่ยวข้องกับบทบาทในสัญญา ซึ่งโปรแกรม U-Work นี้ พนักงานของเราจะมีทางเลือกในการทำงานที่ได้รับมอบหมายที่แตกต่างกัน โดยที่ยังคงมีเวลาว่างเพื่อมุ่งเน้นไปที่ด้านอื่นๆ ของชีวิต ทำให้สามารถออกแบบรูปแบบการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและเหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคล เราเสนอค่าตอบแทนรายเดือนให้กับผู้เข้าร่วมและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยเราได้ริเริ่ม U-Work ในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก และตอนนี้ได้เผยแพร่ในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ

นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ได้ส่งเสริมให้พนักงานปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work-life balance) หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยูนิลีเวอร์ได้ปรับเวลาการเข้ามาทำงานใหม่ โดยพนักงานจะเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเป็นสัดส่วนอย่างน้อย 40% ของเวลาทำงาน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเวลาดูแลครอบครัวด้วยเช่นกัน

3. Skills for Life - เพิ่มทักษะให้กับพนักงานของเราด้วยทักษะที่เหมาะกับอนาคตภายในปี พ.ศ. 2568

ทักษะด้านดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเราจึงเปิดตัวโปรแกรม Digital Upskilling ที่มีหลักสูตรต่างๆ และการรับรองจากภายนอกเกี่ยวกับทักษะด้านดิจิทัลสำหรับพนักงานในสำนักงานของเรา นอกจากนี้เรายังได้พัฒนาชุดการเรียนรู้ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ทำงานในโรงงาน คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า เพื่อช่วยให้พวกเขาเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการผลิตแห่งอนาคต รวมถึงหุ่นยนต์และ AI นอกจากนี้ เรายังเปิดตัวเครื่องมือที่ทำให้กระบวนการผลิตเป็นดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้พนักงานในโรงงานได้เรียนรู้ทักษะด้านดิจิทัลในการทำงาน ขณะนี้เครื่องมือดังกล่าวมีจำหน่ายแล้วในโรงงานประมาณ 110 แห่ง และมีแผนเพิ่มเติมในปีต่อๆ ไป

ความสำเร็จของการพัฒนาคน ให้พร้อมสำหรับยุคสังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน (Sustainable Intelligence-Based Society)

ในปัจจุบันยูนิลีเวอร์เข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตแล้ว เราจึงมีการใช้หุ่นยนต์ 14 ตัวต่อพนักงาน 1,000 คนที่ถูกจ้างงานทั่วโลก ดังนั้นเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ (Automation) ในการผลิตจึงมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เราจึงอบรมและฝึกฝนทักษะที่จำเป็นกว่า 65 ทักษะใหม่ๆ ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตของเรา เพื่อที่จะให้พวกเขาพร้อมรับและสามารถทำงานในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้ คุณชู ลิม ยังได้พูดถึงหนึ่งในความก้าวหน้าด้านสังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน (Sustainable Intelligence) ที่ยูนิลีเวอร์ภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า "เราได้เตรียมโรงงานอัตโนมัติที่ดีที่สุดของเรา ที่ตั้งอยู่เมืองไท่ชาง (Taicang) ประเทศจีน เป็นโรงงานที่ได้รับการยอมรับจาก World Economic Forum ว่าเป็นโรงงานไอศกรีมที่ทันสมัยที่สุดในโลก ภายในโรงงานมีการใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติ (Automation) และเทคโนโลยีเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงานในระหว่างกระบวนการผลิต ทั้งยังช่วยเพิ่มจำนวนการผลิตในโรงงาน และช่วยให้พนักงานของเราทำงานที่มีประสิทธิผลมากขึ้นแทนการทำงานในรูปแบบดั้งเดิม

เพราะสำหรับเราแล้ว ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จ คือธุรกิจที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตผู้คนทั่วโลกโดยใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยีได้ เราจึงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้พนักงานทั่วโลกของเราที่ตั้งใจทำงานอย่างมุ่งมั่นได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน"

การประชุม GCNT FORUM ครั้งที่4

4. ปลุกศักยภาพคนรับการเปลี่ยนแปลงตลอดห่วงโซ่อุปทาน

1. ยกระดับมาตรฐานการครองชีพของหลายล้านคนในห่วงโซ่คุณค่า

เรายกระดับมาตรฐานการครองชีพของผู้คนในห่วงโซ่คุณค่าของเราผ่านนวัตกรรมเพื่อสังคมมากมาย โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การใช้ชีวิตของพนักงาน สถานที่ทำงาน ไปจนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับชีวิตของผู้บริโภค ได้แก่

  • กลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพ: ความงามเชิงบวก ให้ผู้คนมองเห็นคุณค่าความงามที่เป็นตัวเอง
  • กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล: การดูแลผู้คนและโลก ผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพและไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน: บ้านสะอาด โลกสะอาดไม่ทำลายธรรมชาติ
  • กลุ่มธุรกิจนิวทรีชัน: การเปลี่ยนแปลงระบบอาหารของโลก ให้ผู้คนได้ทานอาหารที่อร่อย ถูกหลักโภชนาการ ไม่ทำร้ายสุขภาพ
  • กลุ่มธุรกิจไอศกรีม: ผู้คนที่มีความสุข ก็สามารถช่วยกันสร้างโลกแห่งความสุข

2. ขับเคลื่อนความเสมอภาค ความหลากหลาย

  • เร่งการมีผู้นำที่มีความหลากหลาย
  • สร้างแนวทางปฏิบัติและนโยบายให้เกิดวัฒนธรรมที่เท่าเทียม โดยขจัดอคติ ความลำเอียง และการเลือกปฏิบัติ
  • 5% ของพนักงานต้องประกอบด้วยผู้พิการภายในปี พ.ศ. 2568
  • เพิ่มจำนวนโฆษณาของยูนิลีเวอร์ที่รวมผู้คนจากกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
  • ใช้งบประมาณ 2 พันล้านยูโรต่อปีกับธุรกิจที่หลากหลายทั่วโลกภายในปี พ.ศ 2568

3. ลงทุนในการพัฒนาพนักงานและจัดเตรียมทักษะที่จำเป็นให้กับคนรุ่นใหม่

  • บุกเบิกโมเดลการจ้างงานใหม่และช่วยให้พนักงานเข้าถึงหลักปฏิบัติในการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ทั้งการลักษณะการทำงานแบบผสม หรือ Hybrid และออฟฟิศที่รองรับการทำงานในอนาคต
  • เพิ่มทักษะใหม่และยกระดับทักษะให้กับพนักงานทุกคนเพื่อให้มีทักษะที่เหมาะกับการทำงานในอนาคต
  • ช่วยให้คนรุ่นใหม่ทักษะที่จำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสในการทำงาน

5. ยกระดับคน สร้างพลังสังคม

ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีบทบาทสำคัญมากในการกำหนดอนาคตของพนักงาน เพราะงานทุกประเภทมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงมีหน้าที่ช่วยให้คนของเราปรับตัว มองอนาคตของการทำงานผ่านมุมมองที่แตกต่างกันสามแบบ ได้แก่ งาน สถานที่ทำงาน และพนักงาน

ยูนิลีเวอร์ ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

ยูนิลีเวอร์ กำลังใช้เทคโนโลยีที่เรามีในปัจจุบันเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเรา เพราะเราเชื่อว่า "ธุรกิจที่จะยั่งยืนในอนาคต คือธุรกิจที่สามารถคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้คนทั่วโลกได้ โดยครอบคลุมและใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับพนักงานของเราทั่วโลก ในขณะที่พวกเขากำลังทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์ของบริษัท"

กลับไปด้านบน