ข้ามไปที่ เนื้อหา

การทำงานร่วมกันเพื่ออนุรักษ์น้ำสำหรับทุกคนอย่างเร่งด่วน

ที่ตีพิมพ์:

ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อประชากรโลกมากกว่า 40% และกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังร่วมมือกับสองพันธมิตรใหม่เพื่อบริหารการใช้ทรัพยากรน้ำและร่วมมือกันอนุรักษ์น้ำเพื่อทุกคนภายในปี 2573

Children bring their hands together to hold some flowing water.

ธุรกิจของเราจากต้นน้ำถึงปลายน้ำล้วนพึ่งการเข้าถึงแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรของเรา และซัพพลายเออร์วัตถุดิบ โรงงาน หรือ ผู้บริโภคของเราที่ต้องการน้ำเพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา เพื่อที่จะซักผ้า หรือชงชา

เมื่อต้นเดือนนี้ UN-Water ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้องค์การสหประชาชาติทำหน้าที่ประสานงานในประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำที่สะอาด ได้ออกมาประกาศว่า โลก ออกนอกเกณฑ์ที่จะบรรลุเป้าหมาย Sustainable Development Goal 6 (SDG 6) อย่างน่าตกใจ ซึ่งเป้าหมายที่ 6 นี้ จะรับรองการเข้าถึงและการบริหารทรัพยากรน้ำที่สะอาดอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคนภายในปี 2573

ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับปัจจัยพื้นฐานในเรื่องของน้ำ ทั่วโลก หนึ่งในสามของประชากรทั้งหมด ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำดื่มสะอาด สองในห้าของประชากรไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อล้างมือได้ และประชากรมากกว่า 673 ล้านคน ยังต้องขับถ่ายในที่แจ้ง ทุกวันนี้ ความมั่นคงทางการน้ำ ส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลกถึง 40% และในอนาคต คาดว่าจะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นอีก

Covid-19 ได้ให้บทเรียนกับเราว่า การเข้าถึงทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญสำหรับมนุษย์เพื่อสุขภาพที่ดี เรายังได้เรียนรู้อีกว่าการต่อสู้วิกฤตการณ์ - โรคระบาดใหญ่ - ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาคธุรกิจ นักวิชาการ และรัฐบาล เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค

การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Water Stewardship) มีความสำคัญอย่างไรกับเรา

การบริหารจัดการน้ำคือความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของ สำหรับยูนิลีเวอร์ water stewardship คือการลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา และการทำธุรกิจของเรา และการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งกับทั้งระบบ มันเกี่ยวกับวิธีการที่เราใช้น้ำ ที่จะช่วยให้ทุกคนไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่พัฒนาให้ดีขึ้นด้วย

เป้าหมายเกี่ยวกับน้ำสามประการภายใน 2573

สิบปีที่ผ่านมานี้ เราได้ตัดสินใจที่จะลดผลกระทบทางน้ำจากการผลิต โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Unilever Sustainable Living Plan (USLP) ในวันนี้ เราสามารถลดผลกระทบนี้ได้ถึง 47% ด้วยความแน่วแน่และการวัดผลแบบสัมบูรณ์ ทำให้เราบรรลุเกินเป้าหมายปี 2563 ถึง 7% แต่เราตระหนักดีว่ายังมีอีกมากที่ต้องทำ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเมื่อมิถุนายนปีนี้ ยูนิลีเวอร์จึงได้กำหนดมาตรการและพันธกรณีที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และปกป้อง รวมถึงสร้างธรรมชาติขึ้นมาทดแทน เพื่อรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติของโลกใบนี้สำหรับคนรุ่นหลังต่อไป

เราได้ประกาศสิ่งที่เราจะทำภายในปี 2573 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกรณีเรื่องน้ำ ดังนี้:

  • ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ย่อยสลายได้ (biodegradable)
  • ออกโปรแกรมการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในโรงงานผลิตของยูนิลีเวอร์ 100 แห่ง ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ (water-stressed locations)
  • เข้าร่วม 2030 Water Resources Group (WRG) เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงและสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรน้ำในประเทศที่ประสบภัยแล้งอย่างหนัก

เพื่อบรรลุเป้าหมาย เราจะทำงานร่วมกับสองพันธมิตรใหม่ ได้แก่ 2030 Water Resources Group (2030 WRG) จะนำทางเราสู่กระบวนการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำสำหรับทุกคนภายในปี 2573 และ Alliance for Water Stewardship (AWS) จะแนะนำโรงงานของเราที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อจัดการกับความเสี่ยงนอกเหนือจากภายในรั้วโรงงานของเรา โดยการร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่พื้นที่เก็บกักน้ำร่วมกัน

การเปลี่ยนวิธีใช้น้ำของโลก - ทีละประเทศ

“เราต่างก็รู้ดีว่าน้ำจำเป็นอย่างมากสำหรับการมีชีวิตอยู่และการดำรงวิถีชีวิตของคน แต่เรากลับใช้มันอย่างสิ้นเปลือง ก่อมลภาวะ และละเลยไม่เอาใจใส่ เราทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาจากวิกฤตน้ำนี้ ที่กำลังสร้างความหายนะในหมู่บ้าน ชุมชนและเมืองหลายแห่งทั่วโลก” กล่าวนาย Alan Jope CEO ของยูนิลีเวอร์ โกลบอล

“ยูนิลีเวอร์กำลังยกระดับการปฏิบัติการเพื่อดูแลทรัพยากรน้ำและ เราหวังว่าการทำงานร่วมกับ 2030 Water Resources Group จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้น”

โปรแกรม 2030 WRG อิงพื้นฐานมาจากข้อมูลตัวเลข และมีแผนโรดแมป พร้อมนำเสนอต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงเพื่อช่วยกำหนดความมั่นคงทางน้ำในระยะยาวในระดับประเทศหรือระดับรัฐ ความมั่นคงทางน้ำเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค

“เรามีโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สร้างการทดแทน โดยโฟกัสที่การคิดแบบเป็นระบบ เพื่อที่จะปกป้อง ฟื้นฟู และทดแทนทุนมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติ” กล่าวนาย Juergen Voegele รองประธาน World Bank ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและประธานร่วม 2030 WRG Governing Council

“ด้วยความท้าทายของภาวะขาดแคลนน้ำที่เพิ่มขึ้น ซ้ำเติมด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ เวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่สุดที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลด้านความมั่นคงทางน้ำ” นาย Juergen Voegele กล่าวเสริม “เราดีใจมากที่จะได้ต้อนรับยูนิลีเวอร์ในฐานะพันธมิตร global 2030 WRG องค์กรที่ยึดมั่นในหลักการของการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างเท่าเทียมกัน และการดำรงวิถีชีวิตอย่างมั่นคง”

ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินงานไปแล้ว ในประเทศบังคลาเทศ โดยยูนิลีเวอร์ได้ร่วมมือกับกลุ่ม 2030 WRG และ ขบวนกาชาด (Red Crescent Society) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ Covid-19 ใน 64 เขตที่มีสำนักงาน Deputy Commissioner และทำแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับการล้างมือที่ถูกสุขอนามัยแก่สาธารณชน โดยตั้งเป้าว่าจะเข้าถึงผู้คน 20 ล้านคน

การเปลี่ยนแปลงวิธีใช้น้ำของยูนิลีเวอร์และธุรกิจอื่นๆ

ความร่วมมือกับ Alliance for Water Stewardship, องค์กรที่กรอบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนได้รับการยอมรับทั่วโลก ด้วยมาตรฐานของ AWS ผู้ใช้น้ำจะเข้าใจถึงความจำเป็นของทรัพยากรน้ำและผลกระทบ

ในฐานะสมาชิกที่ให้ทุนสนับสนุน เรากำลังดำเนินการตามมาตรฐาน AWS ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และกำลังประมวล รวมทั้งผสานระบบดังกล่าวเข้าไปในการดำเนินการและวิธีการทำงานของเราที่มีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ เรากำลังต่อยอดจากประสบการณ์ของเราในการจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ผ่านมูลนิธิ Hindustan Unilever และโปรแกรม Prabhat ซึ่งดำเนินการอยู่แล้วในโรงงาน 8 แห่งเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำประปาและความต้องการทรัพยากรน้ำในอินเดีย

หกปีที่ผ่านมา โปรแกรมนี้ได้ช่วยเหลือคน 2.95 ล้านคนผ่านโปรเจค อาทิ การสร้างระบบชลประทาน การจัดเก็บน้ำฝน และการช่วยชาวนาเลือกปลูกพืชที่ประหยัดน้ำ การดำเนินการทั้งหมดนี้ ทำให้มีปริมาณน้ำกักเก็บเพิ่มขึ้น 12 พันล้านลิตร ประหยัดน้ำไปได้ 22 พันล้านลิตร และให้ผลิตผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 18,000 ตัน

Adrian Sym, CEO ของ Alliance for Water Stewardship กล่าวเสริมว่า: “เรายินดีต้อนรับยูนิลีเวอร์สู่การเป็นสมาชิกของ AWS จากผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของโปรเจคภายใต้ มูลนิธิ Hindustan Unilever เรารู้สึกทึ่งในงานของพวกเขา ที่สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจกับชุมชน เรารู้สึกตื่นเต้นที่ยูนิลีเวอร์จะนำความเชี่ยวชาญ ความรู้และประสบการณ์มาช่วยสมาชิกของเราพัฒนาวิธีการที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนได้”

กลับไปด้านบน