ข้ามไปที่ เนื้อหา

เราเชื่อมต่อกับผู้บริโภคอย่างไรในธุรกิจ e-commerce

ที่ตีพิมพ์:

ในขณะที่การช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นแชนเนลการขายที่เติบโตเร็วที่สุด เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Claire Hennah รองประธานกรรมการบริหารฝ่าย eCommerce ของยูนิลีเวอร์โกลบอลในประเด็นนี้

Asian woman at home online shopping. A laptop, an iPad and parcels surround her

ในปี 2562 ยอดขายจาก eCommerce ทั่วโลกอยู่ที่ 3.53 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ( ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Statista) ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงอัตราการขยายตัวถึง 500 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนหน้า

ในปี 2563 เส้นโคจรของยอดขายจากการช้อปปิ้งออนไลน์ได้พุ่งทะยานขึ้นไปอีก และกลายเป็นแชนเนลค้าปลีกที่เติบโตเร็วที่สุด ที่ ยูนิลีเวอร์กำลังปรับสินค้าและแผนที่จะตอบรับต่อโอกาสที่มาพร้อมกับการเติบโตที่น่าทึ่งนี้

เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์รองประธานกรรมการบริหาร Claire Hennah เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

Claire ทุกวันนี้ ยูนิลีเวอร์ยืนอยู่ที่จุดไหนเมื่อเราพูดถึง e-commerce

จากผลประกอบการเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมานี้ ยอดขายจากช่องทาง e-commerce มีมูลค่าเท่ากับ 2.2 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 49% คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 8% จากยอดขายโดยรวม เทียบกับเมื่อปลายปี 2562 ยอดขายโดยรวมจาก e-commerce มีสัดส่วนมากกว่า 4.5% เพียงเล็กน้อย ดังนั้น อัตราการเติบโตที่เราเห็นนี้ น่าทึ่งมากๆ

อะไรเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเติบโตในปีนี้

เหตุการณ์ล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจำนวนผู้คนช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก เป็นปัจจัยหลัก คนหลายคนเพิ่งจะเคยซื้อของออนไลน์เป็นครั้งแรกทำให้เพิ่มอัตราขยายตัวนี้

อย่างไรก็ตาม โรคระบาดนี้ ไม่ใช่สาเหตุเดียวของการเติบโตนี้ ทีม e-commerce ของเราที่ประกอบด้วยบุคลากรจากหลายฝ่ายได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจนี้มาหลายปีแล้ว เรารวมตัวผู้เชี่ยวชาญกว่า 700 คน ไม่เพียงแต่บุคคลที่มีพื้นฐานด้านดิจิตัล และการตลาดแต่ยังรวมถึงฝ่าย supply chain ฝ่าย R&D และ key account manager ที่ทำงานใกล้ชิดกับร้านค้าปลีกและอีกมากมาย

วัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้เราเป็นผู้บุกเบิกและริเริ่ม ทำให้เรามาไกลจากจุดเริ่มต้นและณ ขณะนี้ เริ่มเก็บเกี่ยวผลจากการเติบโตของ e-commerce นี้

แบรนด์ของเราปรับตัวต่อการเติบโตและดีไซน์ให้เข้ากับ e-commerce อย่างไร

การเข้าใจความแตกต่างของแชนเนลนี้สำคัญมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการขายผ่านร้านค้าที่มีที่ตั้ง การออกแบบดีไซน์ให้เหมาะกับ e-commerce เราต้องคิดจาก end-to-end หมายความว่า เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมทางด้าน portfolio การออกแบบเนื้อหา และกลยุทธ์การสื่อสาร รวมถึงระบบการดำเนินการ เช่น ซัพพลายเชน และ analytics

เพื่อให้เห็นภาพ มาเริ่มจากการสร้าง portfolio เราต้องมองช่องว่างของอุปสงค์ (demand spaces) ให้ออกและเทรนด์ที่ผู้คนค้นหาออนไลน์และยกระดับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราและเนื้อหาให้เหมาะสมกับแชนเนลนี้ ผู้ซื้อไม่มีโอกาสที่จะจับต้องสินค้าและอ่านฉลากออนไลน์ได้ พวกเขาจะทำการค้นหาสินค้าและอ่านคำอธิบายสินค้า หรือ เลื่อนดูภาพ และวีดีโอ ผ่านมือถือ

นี่คือเหตุผลที่ทำไม เราถึงส่งเสริมให้ทีมเราสร้างประสบการณ์เดินเลือกสินค้าในห้างบนโลกออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและรู้สึกภูมิใจในแบรนด์ของเราที่อยู่บนชั้นวางสินค้าในโลกดิจิตัล เสมือนบนชั้นวางในร้านค้า โอกาสใหม่ๆ เช่น live streaming มอบโอกาสในการ share ข้อดีของแบรนด์เราผ่านการเล่าเรื่อง และ Alibaba ก็ได้เปิดเผยกับเราว่าทาง Alibaba คาดว่าโมเดลนี้ จะกินสัดส่วนถึง 21% ของกำไรบริษัทภายในปี 2564

สำหรับบางแบรนด์ การมีทางออกที่ดี เช่น การขายแบบแพ็ครวม (bundles) เพื่อที่ผู้ซื้อจะสามารถสต็อกสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบได้หลายประเภทผลิตภัณฑ์ หรือซื้อ regime kit ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้ซื้อบางคน การจัด gift set ก็เป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน เรากำลังค้นหาดีไซน์ขนาดที่เหมาะสมที่จะสามารถใส่ในกล่องไปรษณีย์ได้ และการมีทางเลือกที่ยั่งยืน เช่น การหันไปใช้ concentrates ซึ่งมีน้ำหนักเบาและใช้บรรจุภัณฑ์น้อยกว่าผลิตภัณฑ์ปกติ

ทั้งหมดนี้ ให้โอกาสในการสร้างความแตกต่างบนตลาดออนไลน์ ที่แน่นหนาและ fragmented ทำให้เราสามารถเจาะกลุ่ม early adopters และสร้างนวัตกรรมสำหรับวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคและดีต่อโลกด้วย

แบรนด์ไหนที่จะนำร่อง

แบรนด์ของเราทุกแบรนด์กำลังอยู่ระหว่างการสร้างปัจจัยพื้นฐานที่เราเรียกว่า ‘brilliant basics’ ให้เข้าที่เข้าทาง และเราก็ได้เห็นตัวอย่างที่ดีมากจากแบรนด์วาสลีน และโอโม่ของยูนิลีเวอร์ ประเทศจีน ซึ่งทั้งสองแบรนด์ได้สร้าง mixed channel ความสัมพันธ์ที่ดีกับ KOL และลงทุนทั้ง online และ offline เพื่อสร้างสื่อประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อต้นปีนี้ เราเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านงาน Lazada Super Brand Day โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสบู่ Lifebuoy

Love Beauty and Planet ได้พัฒนาเนื้อหาที่ดีมากบนแพลตฟอร์ม Amazon ของสหรัฐ และสำหรับผลิตภัณฑ์ Home Care เราเพิ่ง launch แพ็คผลิตภัณฑ์ที่ tailor ขึ้นมาในสหราชอาณาจักร โดยมุ่งเน้นช่องว่างทางอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดบนโลกออนไลน์

ในสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โมเดล delivery ที่รวดเร็วเพิ่งจะเกิดขึ้นสำหรับสินค้าไอศกรีมของเรา ทีมเราทำงานดีมากที่จับตลาดสั่งมาทานที่บ้าน โอกาสที่เกิดขึ้นกับสินค้าหมวดนี้พร้อมกับระบบบริการส่งถึงบ้านผ่าน Deliveroo และ Uber Eats

เทรนด์ใหม่ใน e-commerce ที่เราควรคว้าไว้คืออะไร

เราต้องเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงโรคระบาด Covid-19 ทีมอัพเดทชื่อสินค้าออนไลน์สำหรับหลายแบรนด์ของเรา เพื่อเน้นคุณสมบัติด้านการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หลังจากที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญสูงสุด ณ ช่วงนั้น ผลลัพท์คือสินค้าของเราขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที ความเร็วแบบนี้และความว่องไวเป็นสิ่งจำเป็น

ข้อมูลและ AI ยังคงสำคัญอย่างมาก Amazon, JD.com และ Alibaba ถูกสร้างบนการขับเคลื่อนของข้อมูลสินค้าแบบ data-driven) การแนะนำสินค้า การจับคู่ผู้บริโภคกับสินค้าที่พวกเขาน่าจะซื้อมากที่สุด เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่การหาเทรนด์สินค้า จนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การขับเคลื่อนในพื้นที่นี้ จึงสำคัญมาก

  1. เรากำลังเร่งพัฒนาทักษะด้านดิจิตัล ที่ไม่ได้เป็นทางเลือกอีกต่อไปแล้ว เพราะการค้ายุคโลกอนาคตมาถึงแล้ว บุคคล 4 คนจากรายชื่อมหาเศรษฐีของโลกทำเงินจากดิจิตัลเทคโนโลยี (ผู้ก่อตั้ง Amazon Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Microsoft Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Oracle Larry Ellison และผู้ก่อตั้ง Facebook Mark Zuckerberg).
  2. ความอยู่รอดจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ใหญ่ – ความยืดหยุ่นของสต็อกเพื่อให้มั่นใจว่าเราตะหนักถึงความอ่อนไหวต่อราคา แต่ยังคงคำนึงถึงความจำเป็นที่จะสร้างความคุ้มค่าที่แท้จริง แบรนด์ที่โดดเด่นของเรามอบสินค้าทดลองตัวอย่างหากลูกค้าซื้อเกินยอดที่กำหนด นอกจากนี้ เราทำงานร่วมกับ partner นอกยูนิลีเวอร์เพื่อสร้าง consumer-centric ด้วยแพ็คสินค้ารวมที่หลากหลายและแตกต่างไปจากเดิม รวมถึงการให้ของสมนาคุณ

อะไรเป็นอุปสรรคสำหรับการทำ e-commerce ให้ประสบความสำเร็จ

เราควรรู้สึกภูมิใจในการเดินทางของเราที่มาได้ไกลขนาดนี้ แล้วอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราสามารถเพิ่มยอดขายบริษัทได้ 8% จะต้อง pivot เมื่อเราเริ่มที่จะยกระดับ

เรากำลังทบทวนโอกาสแทรกแซงและเติบโตที่เราต้องแก้ไขและสร้าง เพื่อที่จะปรับตัวต่อวิธีที่ผู้บริโภคค้นหาสินค้าและซื้อสินค้า

ช่วงนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่จะทำงานเกี่ยวกับ e-commerce และทีมของเราทำงานอย่างหนักเพื่อต่อยอดจากโอกาสที่เกิดขึ้น – e-commerce ไม่ใช่ช่องทางการซื้อในอนาคตอีกต่อไป ปัจจุบันนี้ อนาคตได้มาถึงแล้ว และฉันรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เราจะนำเสนอต่อตลาดออนไลน์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

กลับไปด้านบน