เราร่วมกันเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจระดับโลกได้
นับเป็นเวลากว่า 120 ปีมาแล้วที่เราเป็นนักบุกเบิก นวัตกร และผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่สบู่ช่วยชีวิตจนถึงแบรนด์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าโลกไปมากมาย แต่โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็ว เราเรียนรู้อยู่ทุกวันว่าสามารถ และต้อง ทำได้มากเพียงใด
เมื่อแปดปีที่แล้ว เราได้สร้าง Unilever Sustainable Living Plan (USLP) เพื่อสร้างธุรกิจที่ทั้งโลกจะต้องภาคภูมิใจ
เรามีเรื่องที่ต้องฉลองมากมาย
โปรดดูความคืบหน้าที่เราทำได้
Related links
- เราได้ช่วยเหลือผู้คนกว่า 600 ล้านคนให้ปรับปรุงสุขภาพและอนามัยของตน
- เราได้ลดก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงน้ำและของเสียที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำผลิตภัณฑ์ของเรา
- กว่าครึ่งของวัตถุดิบการเกษตร เช่น น้ำมันปาล์ม กระดาษ และใบชาเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืนไปแล้วในขณะนี้
- และเรายังได้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ให้แก่ผู้คนหลายล้านคน จากความคิดสร้างสรรค์ เช่น เกษตรกรรายย่อยและโครงการผู้ค้าปลีกขนาดเล็ก
นอกเหนือจากเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของเรา ‘คือการทำให้วิถีชีวิตมีความยั่งยืน’ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรม การดำเนินธุรกิจด้วยวิธีการใหม่และการสร้างแบรนด์
ให้มีจุดประสงค์ จุดเด่นล่าสุดของเราประกอบไปด้วย:
- การทดสอบ แบบจำลองการลงทุนใหม่ และพันธมิตรเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับ สิ่งที่เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
- การวางตลาด การได้มา และการพัฒนาแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ การบรรจุภัณฑ์, การสรรหา และ ของเสีย
เรากำลังพิสูจน์ว่าธุรกิจที่มีความรับผิดชอบคือธุรกิจที่ดี
การขยายตัวมากยิ่งขึ้น

จากการวิจัยของเราแสดงว่ากว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคทั้งหมดได้ซื้อแล้วหรือต้องการซื้ออย่างยั่งยืน นี่คือสาเหตุที่เราพัฒนาแบรนด์ ‘ที่อยู่ได้อย่างยั่งยืน’ ซึ่งมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนต่อข้อกังวลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของแผน USLP
ขณะนี้เรามี 26 แบรนด์ที่อยู่ได้อย่างยั่งยืนรวมถึง Dove, Lipton, Hellmann’s และ Seventh Generation ซึ่งมี 22 แบรนด์ในนี้ติด 40 อันดับแรกแบรนด์ยอดนิยมของเรา พวกเขาทำให้ยูนิลีเวอร์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องใน 4 ปีที่ผ่านมา และในปี 2560 เขาได้เพิ่มยอดขายของยูนิลีเวอร์ถึง 70% เลยทีเดียว
ต้นทุนที่ต่ำลง

โดยการลดปริมาณของเสียและลดการใช้พลังงาน วัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติ เราสร้างความมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนลง ขณะเดียวกันก็เผชิญความเสี่ยงน้อยลงในเรื่องความผันผวนของราคาทรัพยากร
เราสามารถลดต้นทุนสะสมได้มากกว่า 830 ล้านยูโรโดยผ่านโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศในโรงงานของเรานับตั้งแต่ปี 2008
รับความเสี่ยงน้อยลง

การดำเนินงานอย่างยั่งยืนช่วยให้เราสามารถมั่นใจเกี่ยวกับซัพพลายเชนในอนาคตโดยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดหาวัตถุดิบในระยะยาว
ภายในปลายปี 2017 จะมีการจัดซื้อวัตถุดิบทางการเกษตร 56% จากแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืน
ความเชื่อมั่นที่มากขึ้น

การกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ช่วยให้เราอยู่ข้างเดียวกับผู้บริโภค และเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกับเรา
90% ของพนักงานของเราแสดงความภาคภูมิใจในการทำงานกับ Unilever เมื่อปีที่แล้วเราได้รับการเสนอชื่อว่าเป็น ‘บริษัทที่น่าเข้าทำงานมากที่สุด’ ใน 44 จาก 52 ตลาด ซึ่งเราสรรหาพนักงาน – เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนหน้า
ในฐานะบริษัทเรามองไปถึงอนาคต ประยุกต์ และปรับทิศทางเพื่อให้ก้าวล้ำไปหนึ่งก้าว
โดยใช้ประสบการณ์ที่เรียนรู้มาเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปตามหนทางที่เราต้องการ
แต่เราทราบดีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวไปตามความปรารถนาของเราอีกครั้ง โดยการมองไปถึงปี 2020 ในอนาคตของ Unilever
เราไม่มีคำตอบสำหรับทุกข้อ และเราทราบเพียงว่าเราจะบรรลุความปรารถนา ด้วยการมีความเชื่อมั่น
และพันธมิตร
ดังนั้นเราจึงขอให้ชุมชนช่วยปรับทิศทางขั้นต่อไปในการดำเนินการของเรา
กว่า 40,000 คนจากภายในและภายนอกธุรกิจของเรา
ตั้งแต่นักลงทุนและผู้ชิมไอศครีม, ผู้นำเทคโนโลยีและผู้ผลิตชา, ผู้สร้างสรรค์, นักวิชาการ, ผู้ผลิตสบู่ และนักกลยุทธ์
ทุกคนล้วนมีความสำคัญ
เราใช้ความเข้าใจเชิงลึกและแนวคิดที่หลากหลายเพื่อช่วยกำหนดและปรับทิศทางอนาคตของธุรกิจของเรา
ใช้ความยืดหยุ่นเพื่อทำสิ่งที่ดีและสร้างผลเชิงบวกมากขึ้น ทำงานเพื่อช่วยเหลือชุมชนให้รุ่งเรืองและโลกของเราให้สวยงาม
เราจะร่วมกันสร้างสรรค์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร