
ยูนิลีเวอร์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในการพัฒนา “ร้านข้างบ้าน” หรือ โชห่วย แนะนำโมเดล “ร้านติดดาว” หนึ่งในแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของร้านค้าปลีก และร้านข้างบ้าน (โชห่วย) ทั่วประเทศสู่ศูนย์กลางของชุมชน (Unilever Sustainable Living Plan: USLP) พร้อมนำผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีกให้คำปรึกษาด้านการจัดการอย่างเป็นระบบ เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าขยายร้านติดดาวให้ครบ 20,000 ร้านภายในปี 2560
นายร็อบ แรนเดอร์ส รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “หนึ่งในเป้าหมายของแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ คือ การเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่คนจำนวนหลายล้านคนที่อยู่ในห่วงโซ่การทำธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงร้านข้างบ้าน หรือที่เรียกกันว่าร้านโชห่วยที่กระจายอยู่ตามชุมชนทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากเอซี นีลเส็น พบว่า ปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าปลีกรวมทั้งหมดกว่า 400,000 ร้าน เพื่อเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของร้านข้างบ้านเหล่านี้ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจร้านข้างบ้านให้เติบโตอย่างยั่งยืน ยูนิลีเวอร์จึงได้สร้างสรรค์โครงการ ‘ร้านติดดาว’ ขึ้นมา โดยนำความรู้ในการบริหารจัดการร้านที่ยูนิลีเวอร์มีความเชี่ยวชาญ อาทิ การจัดวางสินค้า การทำโปรโมชั่น เข้าไปถ่ายทอดให้กับร้านข้างบ้านที่เข้าร่วมโครงการ”
แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ (Unilever Sustainable Living Plan: USLP) คือแนวปฏิบัติของงธุรกิจที่พัฒนาทั้งธุรกิจและรับใช้ชุมชน โดยแยกอัตราการเติบโตออกจากรอยเท้าทางนิเวศน์ และผลักดันการพัฒนาสังคมให้มากขึ้น โดยมีแนวทางหลัก 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนกว่าหนึ่งพันล้านคน ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่ง และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนนับล้าน
โครงการ “ร้านติดดาว” เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2555 ผลกระทบจากภัยพิบัติส่งผลให้ร้านข้างบ้าน ซึ่งถือเป็นร้านค้าขนาดเล็กได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นรายได้ทางเดียวของเจ้าของกิจการหลายแห่ง หลังจากที่ทางยูนิลีเวอร์ได้เข้าไปสำรวจความสูญเสียของร้านค้าในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จึงได้นำเสนอแนวคิดในการช่วยเหลือร้านค้าให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง ก่อนพัฒนาเป็นโครงการร้านติดดาว ในปี 2559 มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 10,461 ร้านค้า
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ร้านติดดาว มีทั้งร้านข้างบ้านทั่วไป และแบบมินิมาร์ท โดยหลักการพิจารณาร้านข้างบ้านที่เข้าร่วมโครงการร้านติดดาวประกอบด้วย
1) ทำเลของร้านอยู่ใกล้แหล่งชุมชน โดยมีครัวเรือนรอบข้างอย่างน้อย 20 ครัวเรือน เช่น ตลาดสด อพาร์ตเม้นต์ มหาวิทยาลัย หอพัก คอนโด โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
2) เจ้าของร้านเปิดใจรับฟังข้อแนะนำ และให้ความร่วมมือในการพัฒนาร้าน หากมีการปรับโฉมแบรนด์3) ร้านมีสินค้าหลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะได้ประโยชน์ในแง่ของการได้รับการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ โดยเฉพาะด้านการตลาดแบบครบวงจร อาทิ การตกแต่งบริเวณภายนอกร้านค้าให้ดูทันสมัยด้วยป้ายชื่อ สื่อภายในร้านค้า และสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อื่น ๆ นอกจากนี้ เจ้าของร้านยังจะได้รับคำแนะนำด้านการจัดเรียงสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดปีสำหรับผู้บริโภคเพื่อให้ซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ รายการสะสมคะแนนเพื่อรับของรางวัลจากยอดซื้อสินค้า โดยนางสมนึก ชื่นบาน เจ้าของร้านแห่งหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการ ร้านติดดาว เปิดเผยว่า “ดิฉันเปิดร้านมา 25 ปีแล้ว แต่ก่อนร้านก็เล็ก ๆ และไม่เป็นระเบียบสักเท่าไร เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ ทีมงานจากยูนิลีเวอร์ได้เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ และปรับโฉมของร้านใหม่หมด รวมทั้งจัดเรียงสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ ทำให้ร้านสะอาดและเป็นระเบียบ ดูมีพื้นที่กว้างขวางขึ้นมาก ลูกค้าก็ประทับใจ เข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น”
นอกจากบริการต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ยูนิลีเวอร์ยังมีการให้คำแนะนำกิจกรรมร่วมกับชุมชน เพื่อให้ร้านค้ามีส่วนสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความผูกพัน การพูดถึง และการบอกต่ออีกด้วย
“การที่ร้านติดดาว ดำเนินโครงการมาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้บริโภค แต่รวมถึงร้านข้างบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ” นายร็อบ กล่าวทิ้งท้าย