การสร้างกำไรแบบกำหนดเป้าหมาย: แปดปีแห่งการบุกเบิกและการเรียนรู้

เราดำเนินการตามแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนมาเป็นเวลาแปดปี โดยมีความคืบหน้าในเป้าหมายที่สำคัญหลายประการ

ชมภาพยนตร์ของเราด้านล่างหรือเยี่ยมชม หน้าเหตุการณ์สำคัญเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม

เราได้เรียนรู้มากมายในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ รูปแบบธุรกิจใหม่ และวิธีคิดใหม่ ล้วนมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงที่โลกต้องการโดยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้าง

ในขณะที่เรายังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย และยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับความท้าทายต่างๆได้ทั้งหมด เราได้เห็นชัดเจนว่าการทำสิ่งต่างๆให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

“การสร้างวิถีชีวิตอย่างยั่งยืน ยังคงเป็นจุดประสงค์ของเราในฐานะบริษัท” Alan Jope ซีอีโอของเรากล่าว “และเราจะใช้สิ่งนี้เพื่อคงสถานะของ Unilever ให้อยู่ในระดับแนวหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจมีแรงขับเคลื่อนเพื่อผลงานที่ดี จะมีแบรนด์ของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแบรนด์เหล่านี้จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับความนึกคิดของพนักงานของเราและเป็นไปตามความคาดหวังของผู้บริโภค ทั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับเป้าหมายมากกว่าผลกำไร แต่ทว่าเป็นเป้าหมายนั้นเองที่ขับเคลื่อนผลกำไร”

นี่เป็นเพียงไม่กี่วิธีที่เราสามารถสร้างนวัฒตกรรมใหม่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ขั้นตอนการพัฒนาครั้งสำคัญสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับพลาสติก

ในฐานะบริษัทที่จำหน่ายสินค้าบรรจุหีบห่อ เราตระหนักถึงผลกระทบของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เราเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่เพื่อส่งเสริมกลยุทธ์การใช้พลาสติกให้น้อยลง ใช้พลาสติกที่ดีขึ้น และอาจไม่ใช้พลาสติกเลย และหากต้องใช้พลาสติก เรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนเป็น ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน.

ในอินโดนีเซียเราทำโครงการนำร่อง เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เกี่ยวกับพลาสติกหลายเลเยอร์ที่ใช้ในซองผลิตภัณฑ์ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนซองใช้แล้วมาเป็นโพลิเมอร์แบบใหม่ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ หากประสบความสำเร็จ เราจะสามารถประกาศวิธีการนำบรรจุภัณฑ์แบบซองให้สามารถกลับมารีไซเคิลตามแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้สำหรับเรา และสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวม

เรากำลังสร้างสรรค์รูปแบบธุรกิจใหม่เช่นกัน ในเดือนมกราคมเราได้ประกาศความร่วมมือกับ Loop, โครงการนำร่องร้านค้าปลอดขยะ โดยจะจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภคโดยตรง จากนั้นส่งคืนเพื่อนำไปรีฟิลได้อีก แบรนด์บางส่วนของเราได้พัฒนารูปแบบใหม่สำหรับแพลตฟอร์มนี้ เช่น แท่งระงับกลิ่นกายแบบรีฟิลและยาสีฟันอัดเม็ด

พบกับความท้าทายด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับน้ำ

ผลกระทบต่อน้ำที่สำคัญที่สุดเกิดขึ้นเมื่อผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ของเราเพื่ออาบน้ำ แช่น้ำ หรือทำความสะอาดเสื้อผ้า ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทาย เพราะแม้ว่าโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในเรื่องการใช้น้ำจะประสบความสำเร็จ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่เร็วพอ ดังนั้นเราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และสูตรใหม่ที่ใช้น้ำน้อยลง ใช้กับน้ำคุณภาพไม่ดีได้ หรือแม้แต่ไม่ใช้น้ำเลย

ตัวอย่างเช่น เราได้คิดค้นนวัตกรรมสเปรย์ฉีดห้องน้ำ Domestos Flush Less ซึ่งใช้ฆ่าเชื้อโรคและขจัดกลิ่นโดยไม่จำเป็นต้องกดชักโครก เนื่องจากการกดชักโครกแต่ละครั้งใช้น้ำประมาณ 9 ลิตร วิธีการนี้ไม่เคยมีมาก่อนแต่เรียบง่าย และยังมีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ในภูมิภาคที่ขาดแคลนน้ำ

นอกจากนี้เรายังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Love Beauty and Planet ซึ่งตัวครีมนวดผมใช้นวัตกรรมใหม่ที่จะแยกเป็นโมเลกุลเล็กลงและล้างออกได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีโอกาสใช้น้ำน้อยลง ลดเวลาการอาบน้ำเพื่อประหยัดน้ำ

เพิ่มรายได้และปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตรี

เรามีศักยภาพที่จะช่วยให้ชีวิตคนนับล้านดีขึ้นผ่านห่วงโซ่คุณค่าของเรา กลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญคือผู้ค้าปลีกรายย่อยในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมักจะเป็นสตรี ที่นี่นวัตกรรมด้านดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซสามารถขจัดอุปสรรคได้จริง เพื่อเพิ่มรายได้และการเติบโตโดยสร้างในโมเดล Shakti ของเรา

Jaza Duka เป็นความคิดริเริ่มในเคนยา เป็นพันธมิตรกับ Mastercard แปลงกระบวนการซื้อของใช้และขายสินค้าให้เป็นดิจิทัล ช่วยให้ผู้ค้าปลีกสร้างข้อมูลประจำตัวเพื่อเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารซึ่งช่วยให้ควบคุมสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเก็บของในสต็อกได้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

Kasha ความคิดริเริ่มที่ทำกับพันธมิตร TRANSFORM ของเราก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศรวันดานี้ เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถซื้อขายและได้รับผลิตภัณฑ์สำหรับสุขภาพและของใช้ส่วนตัวของผู้หญิงได้อย่างมั่นใจ

การควบคุมพลังของพืชเพื่อการบริโภคอาหารที่มีสุขภาพดี

เราก้าวหน้าไปอย่างมากในการปรับสูตรผลิตภัณฑ์โดยการลดเกลือ น้ำตาล และไขมัน - 48% ของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของเราเป็นไปตามมาตรฐานสุงสุดของโภชนาการ

ปัจจุบัน มีผู้คนจำนวนมากต้องการเพิ่มสัดส่วนของอาหารที่ทำจากพืชโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้เหมาะสมกับวิสัยทัศน์ของเราในการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน และพอร์ตโฟลิโอยังคงเติบโตในปี 2018

ตัวอย่างเช่น เรากำลังเพิ่มการนำเสนอผลิตภัณฑ์มังสวิรัติ/ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้นม แบรนด์ Ben & Jerry’s, Cornetto, Magnum and Breyers ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่มีตัวเลือกของผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีนม ในปี 2018 เราได้ซื้อกิจการจาก The Vegetarian Butcher ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นร้านขายโปรตีนเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกผ่านพอร์ตโฟลิโอของอาหารที่ทำจากพืช

ถึงแม้ว่าการทำงานของเราจะความคืบหน้า แต่เราตระหนักดีว่ายังมีงานต้องทำอีกมาก

งานของเรามีความก้าวหน้าโดยรวมตามเป้าหมาย แต่เราก็ทราบดีว่าเป้าหมายบางอย่างของเรามีความท้าทายมากที่จะทำให้สำเร็จภายในปี 2020 แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมแพ้

ขยะเป็นตัวอย่างที่ดี ปริมาณของเสียต่อการใช้งานของผู้บริโภคลดลง 31% ตั้งแต่ปี 2010 เราสร้างความคืบหน้าได้ดีในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เราควบคุมโดยตรง เช่น การลดของเสียในการดำเนินงานของเราเองและผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ทางเลือก ถึงแม้ว่าจะมีการโน้มน้าวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานของการเก็บขยะ และการรีไซเคิล ในพื้นที่ที่อยู่นอกเนหือการควบคุมของเราโดยตรง ความคืบหน้าในการจัดการขยะจะช้าลง เราจะเร่งดำเนินการด้านบรรจุภัณฑ์และผลักดันให้มีความต้องการวัสดุรีไซเคิลมากขึ้น